svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เจาะประเด็นร้อน

ย้อนรอยชะตากรรม "ธาริต เพ็งดิษฐ์"

14 ธันวาคม 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"ธาริต เพ็งดิษฐ์" เติบโตขึ้นมาในตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งรับใช้พรรคประชาธิปัตย์อย่างเต็มที่ในการเล่นงาน คนเสื้อแดง รวมไปถึงพรรคเพื่อไทย แต่เมื่อพรรคเพื่อไทยกลับมาครองอำนาจก็กลับมาจับมือกับพรรคเพื่อไทย และเล่นงานพรรคประชาธิปัตย์ โดยตลอดชีวิตราชการของนายธาริตถูกระบุว่า รับใช้การเมือง ทุกขั้วทุกสี และมักทุ่มสุดตัว ออกหน้าแทนโดยไม่แคร์ว่าจะถูกกล่าวหาว่า เปลี่ยนสี


เริ่มต้นเกี่ยวข้องกับการเมืองนับตั้งแต่ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ชักชวนให้มาช่วยงานด้านการเมือง เป็นทีมงานของ พันธ์ศักดิ์ วิญญูรัตน์ ที่ปรึกษา ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีขณะที่ดำรงตำแหน่งอัยการประจำกรม ระหว่างนั้นเป็นหัวหอกสำคัญในการร่วมร่างกฎหมายจัดตั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ สมัยที่สมชาย วงศ์สวัสดิ์ นั่งเป็น รมว.ยุติธรรม แต่ยังไม่ได้นั่งเก้าอี้เป็นอธิบดีดีเอสไอโดยต้องรอต่อคิวอีกยาว จากนั้นจึงไปร่วมยกร่างกฎหมายจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และดำรงตำแหน่งเลขาธิการคนแรก


ทั้งนี้นาย ธาริต เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า "ผมถือว่ามีความก้าวหน้าในช่วงรัฐบาลไทยรักไทย ความรู้สึกในบุญคุณ หรือความเมตตาที่ฝ่ายการเมืองให้กับผม ผมก็เก็บไว้ ความรู้สึกที่ดี หรือความเมตตาที่ได้รับ เราก็ไม่ได้จืดจาง เลอะเลือน หรือลืมไป ผมว่าข้าราชการที่เติบโตในช่วงนี้ ผ่านยุคสมัยของไทยรักไทยมาทั้งนั้น กระทั่งรัฐบาล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายธาริตมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม ขณะนั้นไว้ใจ ให้ขึ้นเป็นหัวหอกดีเอสไอ เมื่อปี 2552แต่การทำงานของเขากลับไม่ได้รับการไว้ใจจาก สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในขณะนั้น มากเสียเท่าไหร่ เพราะรู้ไส้รู้พุงว่า นายธาริตโดนตราหน้าว่าเป็นคนของนายทักษิณ


ย้อนรอยชะตากรรม "ธาริต เพ็งดิษฐ์"


จุดหักเหสำคัญของนายธาริตเกิดขึ้นเมื่อปี 2553 เมื่อเกิดการชุมนุมของคนเสื้อแดงนาย ถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ขณะนั้น เป็นคนชักชวนให้นายธาริตเข้ามาร่วมกับ วอร์รูม ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ซึ่งนายธาริตถือเป็นกลไกสำคัญหนึ่งที่ทำให้ ศอฉ. ยืนสู้กับคนเสื้อแดงมาได้


นายธาริต ยังเป็นคนเสนอแผนผังล้มเจ้าที่โยงใยคนเสื้อแดงกับกลุ่มการเมืองในที่ประชุม ศอฉ. พร้อมนำบุคคลในผังดังกล่าว เข้าสู่คดีพิเศษ เพื่อออกหมายเรียกให้มาชี้แจง หนำซ้ำยังเป็นคนจัดฉากให้ สุเทพ มอบตัวต่อดีเอสไอ ตามคำขอของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เพื่อลดกระแสต้าน แต่ก็ไม่ได้ผล หลังจากนั้น ธาริต ในฐานะอธิบดีดีเอสไอ ดำเนินการฟ้องร้องกลุ่มคนเสื้อแดง และ นปช. ในคดีก่อการร้าย หลายคดีด้วยกัน


กระทั่งพรรคประชาธิปัตย์แพ้การเลือกตั้งในปี 2554 คนที่ "สุเทพ" เป็นห่วงมากที่สุดคือ ธาริต จึงได้มอบรถกันกระสุนให้นายธาริตมาใช้เพื่อไว้ป้องกันตัวเองจากขั้วตรงข้ามที่อาจไม่หวังดี

แต่เหตุการณ์กลับแปรผัน พรรคเพื่อไทยเปลี่ยนเกม ไม่เด้งนายธาริตตามคำขู่ของ เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรค แต่วางเกมให้นายธาริตเป็น หมากตัวหนึ่ง เพื่อใช้ต่อรองกับพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะการทำคดีที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมในปี 2553 โดยนายธาริตได้สั่งให้ดีเอสไอรื้อคดีมาทำใหม่ทั้งหมด ทำให้นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ต้องตกอยู่ในฐานะจำเลยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และยังใช้นายธาริตเป็นคนขับเคลื่อนคดีความไม่โปร่งใสในการก่อสร้างโรงพักทดแทนทั่วประเทศ มูลค่า 5.8 พันล้านบาท เล่นงานนายสุเทพกลับ


นาย ธาริต ตั้งต้นเป็นปฏิปักษ์กับนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ จนถูกมองว่า เปลี่ยนสี ซึ่งตรงกันข้ามกับคำแก้ตัวที่บอกว่า ต้องทำงานสนองนโยบายรัฐบาล เพราะถือเป็นผู้บังคับบัญชา ในวงลับเมื่อเจอเพื่อนที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขในวง ศอฉ. มักจะเตือนนายธาริตกันว่า "ระวังจะกลายเป็นกิ้งกือตกท่อ" แต่เขาไม่สนใจ ทำตามคำสั่งของรัฐบาลเพื่อไทยต่อ กระทั่งการชุมนุมของกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ธาริต ก็ยังเป็นกลไกสำคัญที่ใช้ปราบม็อบ ทำตามคำสั่ง เฉลิม จับจริงนายสุเทพ ตั้งข้อหาก่อการร้าย ไม่เหมือนในปี 2553 ที่แค่จัดฉากเล่นละคร


ย้อนรอยชะตากรรม "ธาริต เพ็งดิษฐ์"


จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์รัฐประหารกลางปี 2557 นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ขณะนั้น ชื่อของ ธาริต ถูกแบล็คลิสต์ทันที ก่อนถูกย้ายเข้ากรุจากตำแหน่งอธิบดีดีเอสไอ ให้ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี


หากพิจารณาแล้วด้านหนึ่งก็ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องการเมือง แต่มันก็มีเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่อันนี้เป็นสิ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง


ทั้งนี้นอกเหนือจากคดีทางการเมืองที่มีแล้ว "ธาริต" ยังถูกคณะกรรมการและป้องกันการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช. ตรวจสอบ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่ำรวยผิดปกติชี้มูลความผิดและสั่งอายัดทรัพย์สินจำนวนกว่า 300 ล้านบาท


ไล่เรียงตั้งแต่ 30 ต.ค.2557 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีคำสั่งที่ 631/2557 แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน กรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่า นายธาริต เพ็งดิษฐ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีนายปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวน


วันที่ 19 เม.ย. 2558 คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่า นายธาริต มีพฤติการณ์น่าเชื่อว่าจะมีการโอน ยักย้าย แปรสภาพ หรือซุกซ่อนทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการร่ำรวยผิดปกติ จึงได้มีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินของนายธาริต และนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ คู่สมรส ไว้เป็นการชั่วคราว ได้แก่ เงินฝาก ที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง และยานพาหนะ รวมมูลค่า 40,954,720.58 บาท


ต่อมา คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการร่ำรวยผิดปกติของนายธาริต และนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ คู่สมรส รวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องไว้เป็นการชั่วคราว เพิ่มเติม เมื่อรวมมูลค่าทรัพย์สินที่ถูกอายัดไว้ชั่วคราว (ทั้งตอนแรกและตอนหลัง) รวมจำนวนทั้งสิ้น 90,260,687.40 บาท

วันที่ 5 ม.ค. 2559 นายธาริต ได้เข้าชี้แจงที่มาของทรัพย์สินกับคณะอนุกรรมการไต่สวน

วันที่ 10 มี.ค. 2559 ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติเป็นเอกฉันท์ ว่า นายธาริต ร่ำรวยผิดปกติรวมมูลค่า 346,652,588.52 บาท โดยหลังจากคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้พิจารณารายงานผลการไต่สวนข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่า นายธาริต และนางวรรษมล มีทรัพย์สินมากผิดปกติเกินกว่าฐานะและรายได้ที่เจ้าหน้าที่ของรัฐจะพึงมีได้ อีกทั้งยังปรากฏพฤติการณ์โอน ยักย้าย แปรสภาพหรือซุกซ่อนทรัพย์สิน รวมทั้งให้บุคคลอื่นถือทรัพย์สินแทนกล่าวคือ ให้นายปิยฤกษ์ อรรถกานต์รัตน์ ซึ่งเป็นหลานชาย และบริษัท ปิยธนวรรษ จำกัด ซึ่งมีนายปิยฤกษ์ และนางกานดา เผือดจันทึก น้องสาวของนางวรรษมล เป็นกรรมการบริษัทฯ มีชื่อเป็นผู้ถือครองทรัพย์สินจำนวนมากแทน


ซึ่งมีทั้งเงินฝาก ที่ดิน และรถยนต์ ประกอบด้วย
1. เงินฝากในบัญชีเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในชื่อ นายธาริตจำนวน 4 บัญชีรวมเป็นเงิน 1,254,673.52 บาท
2. เงินฝากในบัญชีเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในชื่อ นางวรรษมลจำนวน 4 บัญชีรวมเป็นเงิน 236,827.91 บาท
3. เงินฝากในบัญชีเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในชื่อ นายปิยฤกษ์จำนวน 4 บัญชี รวมเป็นเงิน 2,010,350.03 บาท 4. ที่ดินโฉนดเลขที่ 2394 ตำบลคุ้งสำเภา อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาทกรรมสิทธิ์ในชื่อ นายธาริต
5. ที่ดินโฉนดเลขที่เลขที่ 28532 ตำบลหลักหก อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานีพร้อมบ้านเลขที่ 414 ตำบลหลักหก อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี
6. ที่ดินโฉนดเลขที่ 8078 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมากรรมสิทธิ์ในชื่อ นางวรรษมล 7. ที่ดินโฉนดเลขที่ 9326 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมากรรมสิทธิ์ในชื่อ นางวรรษมล 8. ที่ดินโฉนดเลขที่ 9917 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมากรรมสิทธิ์ในชื่อ นางวรรษมล
9. บ้านคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น เลขที่ 444 และสิ่งปลูกสร้างไม่มีเลขที่จำนวน 5 หลังในชื่อ "ฟิออเร่ ปาร์ค" หมู่ที่ 11 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ปลูกสร้างบนที่ดินโฉนดเลขที่ 8078 , 9326 และ 9917 กรรมสิทธิ์ในชื่อ นางวรรษมล
10. รถยนต์ยี่ห้อ MERCEDES BENZ รุ่น E 250 เลขทะเบียน ญฉ 414 กรุงเทพมหานครผู้ถือกรรมสิทธิ์ในชื่อ นางวรรษมล
11. รถยนต์ยี่ห้อ TOYOTA รุ่น ALPHARD เลขทะเบียน ฆฐ 515 กรุงเทพมหานครผู้ถือกรรมสิทธิ์ในชื่อ นางวรรษมล
12. ที่ดินโฉนดเลขที่ 8139 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมากรรมสิทธิ์ในชื่อ นายสนชัย ศรีทองกุล
13. ที่ดินโฉนดเลขที่ 71289 ตำบลคลองม่วง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา กรรมสิทธิ์ในชื่อ นายสนชัย ศรีทองกุล 14. ที่ดินโฉนดเลขที่ 69674 ตำบลคลองม่วง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา กรรมสิทธิ์ในชื่อ นายสนชัย ศรีทองกุล 15. ที่ดินโฉนดเลขที่ 9327 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมากรรมสิทธิ์ในชื่อ นายสนชัย ศรีทองกุล
16. ที่ดินโฉนดเลขที่ 9328 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมากรรมสิทธิ์ในชื่อ นายสนชัย ศรีทองกุล
17. ที่ดินโฉนดเลขที่ 16529 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมากรรมสิทธิ์ในชื่อ นายสนชัย ศรีทองกุล 18. ที่ดินโฉนดเลขที่ 21038 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมากรรมสิทธิ์ในชื่อ นายสนชัย ศรีทองกุล
19. ที่ดินโฉนดเลขที่ 28765 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา กรรมสิทธิ์ในชื่อ นายสนชัย ศรีทองกุล 20. โฉนดเลขที่ 8090 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา กรรมสิทธิ์ในชื่อ นายปิยฤกษ์ อรรถกานต์รัตน์

ซึ่งล่าสุด 14 ธันวาคม 2561 - ศาลฎีกาฯ ได้ตัดสินให้ "ธาริต เพ็งดิษฐ์" จำคุก 1 ปี ไม่รอลงอาญา..

logoline