โดย นางธมลวรรณ พานแพน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนได้โพสต์ในโซเชียล เพียงเพื่ออยากให้เพื่อนทราบว่าสามารถกดเงินช่วยช่วยเหลือของรัฐได้จริง ไม่ได้มีเจตนาอื่น ทุกวันนี้ยังทำงานหาเช้ากินค่ำ ส่วนสร้อยคอทองคำ ก็เก็บเงินซื้อมา ซึ่งตนเองเริ่มต้นลงทุนด้วยเงิน 4,000 บาท อาศัยห้องเช่าอยู่กับสามี ประกอบอาชีพส่งน้ำแข็งโดยรับน้ำแข็งจากโรงงานแล้วส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่ ต.บ้านดู่ และ ต.นางแล อ.เมือง จ.เชียงราย โดยเพิ่งมาอยู่เชียงรายได้ประมาณ 10 เดือน ก่อนหน้านี้อยู่ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไม่มีงานทำอยู่บ้านเลี้ยงหลาน จึงได้ไปขอรับสิทธิ์ ผู้มีรายได้น้อย ส่วนมีการถ่ายถาพออกรถใหม่ที่เห็นในโซเชียล ก็ซื้อรถเพื่อนำมาส่งน้ำแข็งต่อยอดกิจการ ซึ่งไม่ได้ซื้อเงินสด แต่ซื้อในช่วงที่มีโปรโมชั่นฟรีดาวน์ และผ่อนต่ำ เป็นรถกระบะที่จะนำมาส่งน้ำแข็ง ส่วนที่มีการนำภาพสร้อยข้อมือ และแหวนเพชร นั้นไม่ใช้ภาพของตนเอง แหวนที่สวมอยู่ก็เป็นแหวนประจำราศี ที่ถูกโฉลก ซื้อมา 200 บาท ไม่ใช่แหวนเพชรแต่อย่างใด
"ทุกวันนี้เราหาเช้ากินค่ำ รับน้ำแข็งจากโรงงานมาส่งต่อให้ลูกค้า เราตั้งใจทำงานเก็บเงิน ไม่กินไม่เที่ยว ไม่ดื่มเหล้า ทำอาหารกินเองทุกมื้อ เพราะจะได้ประหยัดเงิน คนที่อยู่รอบตัวเราก็เห็นว่าเราไม่ได้ร่ำรวย เรากำลังสร้างเนื้อสร้างตัว ทุกวันนี้ยังแบกน้ำแข็งใส่รถเอง แบ่งกันส่งน้ำแข็งกับสามี ส่วนสิทธิ์ผู้มีรายได้น้อย หากจะให้คืนสิทธิ์ ก็ยินดีเพราะเราบริสุทธิ์ใจ ในโซเชียลมีการนำรูปที่มีสร้อยข้อมือ แหวนเพชรมาประกอบรูปนั้นไม่ใช้ของเรา เราทำงานหนักทุกวัน ยังนอนที่นอนปิคนิก กัน 2 คน ไม่ได้ร่ำรวยอะไร มีเพียงเงินหมุนเวียนในการส่งน้ำแข็งที่ได้จากลูกค้าและส่งให้กับโรงงานเท่านั้น" นางธมลวรรณ กล่าว
ด้านนายสุทัศน์ แก้วสิงห์ อายุ 51 ปี ชาว อ.เวียงชัย จ.เชียงราย สามี เปิดเผยว่า ได้รู้จักกับนางธมลวรรณ เมื่อช่วงต้นปี 61 โดยรู้จักกันผ่านโซเชียลมีเดีย ก็ทราบว่านางธมลวรรณ ไม่ได้มีงานทำจึงได้ชวนให้มาอยู่ด้วยกันและทำอาชีพส่งน้ำแข็งด้วยกัน ซึ่งนางธมลวรรณ ก็ได้เดินทางมาอยู่จังหวัดเชียงรายเมื่อประมาณเดือน ก.พ.61 ที่ผ่านมา ส่วนผมก็ส่งน้ำแข็งมาประมาณ 10 ปี แล้ว โดยอาศัยเช่าห้องแถวอยู่ กัน 2 คน ช่วยกันส่งน้ำแข็งจนมีเหตุการณ์เกิดขึ้น