svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

เจอโรม พาวเวล เผยอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐ กำลังเข้าใกล้ระดับที่สมดุล หรือจุดที่เป็นกลาง

29 พฤศจิกายน 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เจอโรม พาวเวล เผยอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐกำลังเข้าใกล้ระดับที่สมดุล หรือจุดที่เป็นกลาง ซึ่งถือเป็นระดับที่ไม่ได้ช่วยกระตุ้นหรือทำให้เกิดการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ส่งผลดาวโจนส์พุ่งขึ้นถึง 617 จุดเมื่อวันพุธ


ขณะที่ IMF ได้ระบุว่า เศรษฐกิจโลกอาจชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ในเดือนตุลาคม โดยเตือนทุกประเทศควรยุติสงครามการค้าซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวลดลง


1. เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายกำลังเข้าใกล้ระดับที่สมดุล หรือจุดที่เป็นกลาง โดยอยู่ต่ำกว่าระดับที่เป็นกลางเพียงเล็กน้อยต่อเศรษฐกิจ ซึ่งถือเป็นระดับที่ไม่ได้ช่วยกระตุ้น หรือทำให้เกิดการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ

โดยประธ่รเฟดกล่าวอีกว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ไม่ได้กำหนดนโยบายล่วงหน้าว่าอัตราดอกเบี้ยควรอยู่ในระดับใด และจะตัดสินใจในนโยบายการเงินตามทิศทางเศรษฐกิจ และภาวะทางการเงิน ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจจะยังขยายตัวมากกว่า 3% ส่วนราคาหุ้นในขณะนี้อยู่ในระดับปกติ และยังมองไม่เห็นอันตรายที่เกิดจากราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นมากเกินไปก่อนหน้านี้


2. ดัชนีดาวโจนส์ปิดในวันพุธที่ 25,366 พุ่งขึ้นถึง 617.70 จุด หรือ 2.5% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,743 พุ่งขึ้น 61.62 จุด หรือ 2.3% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,291 พุ่งขึ้น 208.89 จุด หรือ 2.95% หลังจากที่นักลงทุนถูกกระตุ้นแรงซื้อด้วยคำพูดขแงประธานเฟดเป็นการส่งสัญญาณที่อาจจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในเดือนธันวาคมนี้

โดยคำกล่าวดังกล่าว แตกต่างจากช่วงเดือนตุลาคม ซึ่งระบุว่า อัตราดอกเบี้ยยังอยู่ห่างไกลจากระดับที่สมดุล และเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป นอกจากนี้ เฟดยังส่งสัญญาณจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีหน้า และอีก 1 ครั้งในปี 2020


3, ขณะเดียวกันเฟดได้มีรายงานเตือนเรื่องความเสี่ยงที่มีต่อเสถียรภาพทางการเงิน จากความตึงเครียดทางการค้า ความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ และการก่อหนี้ของภาคเอกชนที่มากขึ้นในบัญีงบดุล จนทำให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงเนื่องจากราคาสินทรัพย์ที่พุ่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมาอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับสถิติในอดีต

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขประมาณการจีดีพีไตรมาส 3 ครั้งที่ 2 ขยายตัวที่ระดับ 3.5% ต่ำกว่าระดับ 4.2% ในไตรมาส 2 และเป็นที่คาดว่า ในไตรมาส 4 นี้ อาจจะขยายตัวเพียงแค่ 2.5% โดยขยายตัวนั้นเกิดขึ้นจากแรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศ และการลงทุนของภาคธุรกิจ แต่ยังถูกกดดันจากปัญหาสงครามการค้ากับจีน



4. ทางด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ออกมาระบุว่า เศรษฐกิจโลกอาจชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยเฉพาะทุกประเทศควรยุติสงครามการค้าที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวลดลง

IMF ได้เปิดเผยรายงานนี้ก่อนการประชุมสุดยอด G-20 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 30 พฤศจิกายน - วันที่ 1 ธันวาคมนี้ ที่กรุงบัวโนสไอเรส ของอาร์เจนตินา ทั้งนี้ IMF ได้คาดการณ์อีกว่า ภาวะทางการเงินของโลกจะเริ่มตึงตัวขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ ขณะที่สงครามการค้ายังทวีความรุนแรงมากขึ้น



5. นอกจากนี้ นิวยอร์ก ไทม์ส ได้รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจจะมีท่าทีประนีประนอมในการเจรจาการค้ากับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง นอกรอบการประชุม G-20 ในปลายสัปดาห์นี้ จากความกังวลต่อผลกระทบของการทำสงครามการค้ากับจีน ที่มีต่อตลาดการเงินและเศรษฐกิจสหรัฐ

โดยที่แลร์รี่ คุดโลว์ ประธานที่ปรึกษาเศรษฐกิจของทำเนียบขาว กล่าวว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง อาจจะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าสำหรับการหารือร่วมกันในวันเสาร์นี้

logoline