svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทให้อัตราผลตอบแทนการลงทุนที่ติดลบ ทั้งดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P 500

21 พฤศจิกายน 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทให้อัตราผลตอบแทนการลงทุนที่ติดลบทั้งดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P 500 หลังจากที่มีการปรับฐานราคาลงอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 2 วันติดต่อกัน โดยดาวโจนส์ดิ่งลงมากกว่า 950 จุดในการซื้อขายเมื่อวันจันทร์และอังคาร


ขณะที่ Goldman Sachs ระบุในรายงานทิศทางการลงทุนปี 2019 แนะนำให้นักลงทุนเพิ่มการถือครองเงินสด เนื่องจากการลงทุนในตลาดหุ้นมีความเสี่ยงสูง และให้ผลตอบแทนไม่สูงนัก

นอกจากนี้ รายงานขนาด 25 หน้าของสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ หรือ USTR ที่เผยแพร่ออกมาก่อนที่ทรัมป์ จะพบปะหารือกับสี จิ้นผิง ในนอกรอบการประชุมผู้นำกลุ่ม G-20 ที่อาร์เจนตินา ปลายเดือนนี้ โดยทางการสหรัฐได้กล่าวหาจีนที่ระบุในรายงาน USTR ว่า ยังคงขโมยทรัพย์สินทางปัญญาและเทคโนโลยีจากบริษัทสหรัฐ


1. Goldman Sachs วาณิชธนกิจชื่อดังสหรัฐ ระบุในรายงานทิศทางการลงทุนปี 2019 แนะนำให้นักลงทุนเพิ่มการถือครองเงินสด ขณะที่การลงทุนในตลาดหุ้นมีความเสี่ยงสูง และให้ผลตอบแทนไม่มากนัก หลังจากที่ตลาดมีความกังวลต่อการที่สหรัฐจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ท่ามกลางแรงกดดันจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ในรายงาน Goldman Sachs ที่เปิดเผยต่อนักลงทุนทั่วไป และบรรดากองทุนรวม รวมถึงกองทุนบำนาญ เน้นให้เพิ่มการถือครองเงินสด เนื่องจากเงินสดจะเป็นสินทรัพย์ที่ดี และมีความเหสามาะสมที่สามารถเทียบเคียงกับการลงทุนในหุ้น ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี

นอกจากนี้ การลงทุนซื้อหุ้นที่เป็น Defensive Stocks ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มmujปลอดภัย มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีการปรับตัวของราคาไม่หวือหวา



2. การลงทุนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทได้มาถึงจุดที่มีความเสี่ยงมากขึ้น ขณะที่ความกังวลต่อการปรับฐานราคาหุ้นที่เกิดขึ้นหลาบครั้งในปีนี้ กลายเป็นสัญญาณผลตอบแทนที่พลิกกลับมาเป็นอัตราติดลบมากขึ้น ทั้งดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P 500 ส่วนดัชนี Nasdaq ยังให้อัตราผลตอบแทนเป็นบวกเล็กน้อย

โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดเมื่อวันอังคารที่ 24,465 ร่วงลง 551.80 จุด หรือ-2.21% ต่อเนื่องจากวันจันทร์ที่ร่วงลงถึง 395 จุด ส่วนดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,641 ร่วงลง 48.84 จุด หรือ 1.82% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,908 ร่วงลง 119.65 จุด หรือ 1.70%

หลังจากาภวะการลงทุนเป็นอีกวันหนึ่งที่หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง เพราะถูกเทขายหนักเนื่องจากราคาน้ำมันดิบ WTI และราคาน้ำมันดอบเบรนท์ ดิ่งลงกว่า 6% เมื่อคืนที่ผ่านมา จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาดเรื่องจากความต้องการใช้ที่ลดลง โดยหุ้นหลักที่ลดลง เช่น หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 2.8% และหุ้นเชฟรอน ร่วงลง 2.78%

3. หลังจากที่ดัชนี Nasdaq ดิ่งลงถึง 3.03% ในวันจันทร์ และวันอังคารร่วงลงอีก 1.7% นั้น ยังคงมีแรงเทขายในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีต่อเนื่อง โดยที่หุ้น Apple ดิ่งลง 4.8% หุ้น Amazon ร่วงลง 1.1%% หุ้น Netflix ร่วงลง 1.3% หุ้น Microsoft ร่วงลง 2.8% และหุ้น Intel ร่วงลง 1.3%
นอกจากนี้ ราคาหุ้นของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ทั้ง Target ที่ดิ่งลงถึง 10.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ รวมทั้งหุ้น Kohl Corp ร่วงลง 9.2% จากการเปิดเผยคาดการณ์รายได้ทั้งปีนี้ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์



4. สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ร่วงลงอย่างหนักจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ ทำให้มีการเทขายสินทรัพย์เสี่ยง นอกจากนี้ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศจุดยืนอย่างชัดเจนว่า ซาอุดีอาระเบียเป็นพันธมิตรที่ยิ่งใหญ่ของสหรัฐ และยังส่งสัญญาณว่าสหรัฐอาจจะไม่ใช้มาตรการลงโทษซาอุดีอาระเบีย ต่อกรณีการฆาตกรรมจามาล คาช็อกกี นักข่าวชาวซาอุดีอาระเบีย

ทำให้นักลงทุนจับตาการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ซึ่งจะมีขึ้นในเดือนธันวาคมถึงการทบกวนเรื่องการปรับลดกำลังผลิตน้ำมัน เนื่องจากแนวโน้มความต้องการใช้ลดลงจามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2019

ราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 3.77 ดอลลาร์ หรือ 6.6% ปิดที่ 53.43 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงลง 4.26 ดอลลาร์ หรือ 6.4% ปิดที่ 62.53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล



5. รายงานขนาด 25 หน้าของสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ หรือ USTR ที่เผยแพร่ออกมาก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีกำหนดจะพบปะหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในนอกรอบการประชุมผู้นำกลุ่ม G-20 ที่กรุงบัวโนสไอเรส อาร์เจนตินา ระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายนถึงวันที่ 1 ธันวาคมนี้ โดยทางการสหรัฐได้กล่าวหาจีนที่ระบุในรายงาน USTR ว่า ยังคงขโมยทรัพย์สินทางปัญญาและเทคโนโลยีจากบริษัทสหรัฐ

ทั้งนี้ ในรายงานระบุว่า จีนไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย หรือดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายโอนเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงเรื่องของทรัพย์สินทางปัญหาเลย โดยยังคงมีการกระทำที่ไม่เหมาะสมเกิดขึ้นตลอดระยะเวลาหลายเดือนมาอีกด้วย

นอกจากนี้ รายงานของ USTR ยังระบุว่า การคุกคามทางไซเบอร์เกิดขึ้นกับบริษัทของสหรัฐก็ดูเหมือนว่า จะมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

logoline