พลังโอตะดับ "อนาคตใหม่"?

จะเรียกน้ำผึ้งหยดเดียว หรือขวดน้ำปลาแตก !! กรณีนักวิชาการไทย แต่อยู่แดนไกล ไปคอมเมนต์ทำร้ายจิตใจโอตะ "แคปเฌอ" เข้าเพียงหยดนิดหนึ่ง ก็ลามมาถึง "พรรคอนาคตใหม่" แล้วยังไปไกลหนักมากจนถึงเรื่อง "อุดมการณ์ประชาธิปไตย"

ทำให้ตอนนี้ ฝ่ายการเมืองขั้วตรงข้ามสะใจกันใหญ่ว่า "ลิเบอรัล" กำลังตีกันเอง แถมดูแล้วก็มีแต่ "เสีย" ไปหมด !!

เสียความรู้สึก
เรื่องนี้ต้องไปถามโอตะแคปเฌอ หรือ "แฟนคลับ" ของ เฌอปราง อารีย์กุล กับตันวงไอดอล BNK48 ผู้ฮอตสุดๆ ตอนนี้

เท้าความสั้นๆ ช่วงวันที่ 5 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา นิตยสาร Time out ที่สัมภาษณ์เฌอปราง ได้พาดหัวบทสัมภาษณ์ว่า "เป็นเฌอปรางมันเหนื่อย"

จากนั้น สาวเฌอก็นำมาแชร์ต่อในเฟซบุ๊กตนเอง ตามธรรมดาที่จะต้องอัพเดทความเคลื่อนไหวให้โอตะรับทราบ

จริงๆ หลายคนบอก ถ้าจะต้องดีดหูใคร ก็ต้องเป็นคนที่เข้าไปเฟซบุ๊กเฌอ แล้วไป Tag หาชื่อ "Pavin Chachavalpongpun"

ทั้งๆ ที่คำพูดนี้ เป็นคำถามนำของผู้สัมภาษณ์ โดยเฌอไม่ได้พูดเอง เพียงแต่หากรวมบริบททั้งหมดในเนื้อหาที่แคปเฌอเล่าถึงภาระความรับผิดชอบของไอดอล มันจึงนำมาสู่การพาดหัวด้วยคำถามนำแบบนี้ !

ที่สุด "ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์" อาจารย์จากมหาวิทยาลัยเกียวโต ที่ถูกพิษการเมืองไทยเล่นงานจนต้องลี้ภัยอยู่ต่างประเทศ...ก็เข้ามาคอมเมนต์ทันที

ซึ่งก็ไม่รู้ว่า ทันทีที่ถูกติด "แท็ก" เรียกมา นักวิชาการคนนี้จะได้อ่านเนื้อหาสัมภาษณ์หรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ เขาก็ได้คอมเมนต์ออกมาเล็กน้อยถึงปานกลาง เพียงแต่ถ้าใครเป็นโอตะเฌอ อ่านแล้วต้องหัวร้อนเป็นธรรมดา ว่าทำไมต้องทำร้ายกันอย่างนี้ !

กระทั่งบานปลายเกิดเป็นวิวาทะทางโซเชียล ชนิด "โอตะก็รา ปวินก็แรง" โดยเฉพาะฝ่ายหลังที่เผ็ดร้อนจนโลกโซเชียลเดือดปุดๆ !!

ที่แย่คือ ไปสบช่องจนมีคนนำไปโยงว่า อ.ปวินเป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ ดังนั้น หากคนคนนี้ทำร้ายความรู้สึกเราเหล่าโอตะ เราก็จะไม่ชื่นชอบคนคนนี้

แล้วสมการ จึงไปเท่ากับ "เราจะไม่ชื่นชอบพรรคอนาคตใหม่ด้วย !!"

เสียหน้า
แต่...คนที่เสียความรู้สึกที่สุด คงไม่เท่าเจ้าตัว และจะเรียกว่า "เสียหน้า" ก็ไม่ผิด !

เพราะฝ่ายของปวิน ที่พอเห็นเช่นนี้ก็เลยแสดงความมั่นใจออกมาอย่าง "สุดทางรัก" ว่า "เอก ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" ที่ตนเองสนับสนุนเป็น FC มาตลอด จะไม่สนเสียงโอตะไร้คุณภาพในระบอบประชาธิปไตยเช่นนี้ โดย อ.ปวินใช้คำว่าเป็น "กลุ่มคนที่สนับสนุนนักร้องเด็กที่ซักฟอกเผด็จการ"

ปรากฏว่า หลังจากนั้นไม่นาน สมาชิกผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่บางคน ก็ออกมาโพสต์ถึง อ.ปวิน ในท่วงทำนองว่า "ไม่เกี่ยวกันนะจ๊ะ" ซึ่งเนื้อหาจริงๆ ในเพจของพวกเขาที่โพสต์ออกมาก็แรงพอได้

คนแรกคือ "คริส โปตระนันทน์" อีกคนคือ "ภูวกร ศรีเนียน" ซึ่งเป็นพ่อของแคนแคน อดีต BNK48 รุ่นเดียวกับแคปเฌอ โดยทั้งสองเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่

ถึงตรงนี้ "สงครามอุดมการณ์ประชาธิปไตย" จึงเปิดฉาก โดยฝ่ายนักวิชาการ ม.เกียวโต แสดงความผิดหวังต่อ "จุดยืน" ของพรรคอนาคตใหม่ทันที

"กลัวเสียคะแนนโอตะ เพราะดิชั้นไปวิจารณ์คนช่วยงานเผด็จการ อย่างนี้จุดยืนของพรรคคืออะไรคะ ซ้อจึงโกรธมากแล้วนะคะ" (ซ้อจึง คือเรียกตัวเองว่าเป็นสะใภ้ของตระกูลจึง ซึ่งมโนตามประสา FC)

"ถ้าจะผลักไสดิชั้น ดิชั้นก็พร้อมจะทิ้งอนาคตใหม่นะคะ ไม่ใช่ทิ้ง แต่จะเริ่มวิจารณ์อย่างจริงจังเสียที หมดฮันนีมูนพีเรียดแล้วค่ะ" แถมยัง CC Thanathorn Juangroongruangkit อีกด้วย !!

หรือแม้กระทั่ง ช่อ พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ก็โดนไปด้วย เพราะไปตอบคำถามไม่เข้าข้างปวิน แต่ตอบอย่างกลางๆ ว่า

"เสรีภาพในการพูดเป็นของแต่ละคน แต่ขณะเดียวกันการรับผิดชอบต่อคำพูดของตัวเองก็ต้องมาพร้อมกับเสรีภาพนั้น เรื่องนี้จะเป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับสมาชิกพรรคหลายๆ คนค่ะ"

ซึ่งปวินได้แสดงความเห็นต่อคำพูดนี้ว่า

"นี่คือพรรคที่พูดตั้งแต่วันแรกว่าจะต้องเป็นพรรคที่แตกต่างจากพรรคอื่น สรุป มันคือเหล้าเก่าในขวดใหม่ คงจะจริงอย่างที่มีคนพูด นโยบายพรรคไม่ได้เปลี่ยน แต่อุดมการณ์ไม่เคยมีตั้งแต่แรก"

สุดท้ายงานนี้ สังคมเห็นอะไร ก็กำลังเห็นกลุ่มบุคคลที่ฉายภาพความเป็น "ลิเบอรัล" เสรีประชาธิปไตย กำลังซัดกันเอง แถมต้นเรื่องผู้ไม่ได้ตั้งใจอย่างน้องเฌอ กลับไม่ได้เดือดร้อนอะไรด้วยเลย !!

มันจึงเสียหน้าสุดๆ เสียกันเป็นแถบๆ

เสียคะแนน ?!
ส่วนถ้าจะถามว่างานนี้ใครเสียรังวัดที่สุด ถ้าคิดแบบพาราดามเดิมๆ คือเมื่อคนที่อยู่ฝั่งเดียวกันมีความขัดแย้งกันทางความคิด และอุดมการณ์ แปลว่า เรือลำนี้กำลังสั่นคลอนแล้วรอวันแตกจม

งานนี้ก็คือกลุ่มคนรักประชาธิปไตยกำลังทุ่มเถียงกันเอง เรื่องหลักการของความไม่เอาเผด็จการ มันเรื่องเดียวกันหรือไม่ กับที่ต้องไม่เพิกเฉยกับคนที่ไปทำงานให้กลุ่มอำนาจที่มาจากการทำรัฐประหาร

ดังนั้น เมื่อปวินถึงจุดแตกหักกับพรรคอนาคตใหม่แบบนี้ สมการจึงแปลว่า มิตรรักแฟนคลับของปวิน จะแตกหักตามไปด้วย ?

หลายคนจึงพากันคิดว่า ที่สุดฐานเสียงของพรรคอนาคตใหม่ฝั่งนี้จะเหือดหายไป แล้วได้เสียงกลุ่มโอตะเฌอปราง หรือ BNK48 มาแทนที่

แต่ก่อนจะคิดแบบนั้น อย่าลืมว่า ฐานเสียงโอตะ ก็มีทั้งโอตะฟ้า แดง เหลือง เขียว โอตะที่ยังไม่เลือก หรือที่ยังไม่ถึงเกณฑ์เลือกตั้ง ฯลฯ

จึงน่าคิดว่า พรรคอนาคตใหม่อาจจะไม่ได้ฐานเสียงจากกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างมีนัยสำคัญมากนัก !

ดังนั้น ที่ทำได้ตอนนี้ (ต่อให้อยากวิพากษ์วิจารณ์เฌอปรางใจจะขาดขนาดไหนก็ตาม) ก็คือการวางตัวอย่างกลางๆ ให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเรื่องสิทธิมนุษยชน หลักการเสรีภาพ อ้างมาเลยให้หล่อให้เนี้ยบไว้ก่อน

โดยหากนับเอาหัวหน้าพรรคเป็นหลัก ที่ธนาธรเคยกล่าวถึงเฌอปราง ก่อนหน้านี้ว่า

"ทุกคนมีข้อจำกัดในการแสดงออก ไม่สามารถที่จะให้ใครกล้าก้าวออกไปได้ ไม่สามารถเรียกร้องให้ใครพลีชีพแขวนระเบิดไปวิพากษ์วิจารณ์ คสช.ได้ ทำในข้อจำกัดที่ตัวเองมีให้ดีที่สุด"

หรือที่ พรรณิการ์ โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ออกมาแจงอีกครั้งช่วงวันที่ 7 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาว่า

"...พรรคย้ำเสมอว่าศิลปินควรมีเสรีภาพในการแสดงจุดยืนทางการเมือง หากเชื่อมั่นในระบอบอำนาจนิยมจริงๆ ก็มีสิทธิ์ที่จะสนับสนุนรัฐบาลทหาร แต่หากเชื่อในระบอบประชาธิปไตย เราขอสนับสนุนให้ศิลปินแสดงออกได้ในแบบเดียวกัน โดยไม่ควรต้องเผชิญแรงกดดันจากต้นสังกัดหรือสังคม..."

ก็น่าจะทำให้แฟนคลับ "ตัวจริง" ของอนาคตใหม่ ยังคงใจชื้นว่าพรรคนี้ก็มีจุดยืนอยู่นา

อย่างไรก็ดี เวลานี้ถ้าจะจับสัญญาณจากฝั่ง อาจารย์ ม.เกียวโต ต้องบอกว่าแรงมาก เพราะยังได้ "อั้ม เนโกะ" หรือ "ศรัณย์ ฉุยฉาย" ที่ลี้ภัยอยู่ต่างประเทศเหมือนกัน มาแท็กทีมถล่มด้วย

ดังนั้นถ้าใครไปส่องคอมเมนต์ของลูกเพจฝ่ายปวินแล้ว พบว่ามีการโจมตีพรรคอนาคตใหม่มากขึ้นเรื่อยๆ ในท่วงทำนองธนาธรกำลังเลือกข้างผิด !!

แต่ถ้าถามว่า ข้างที่ถูกคือ "ลิเบอรัลฮาร์ดคอร์" ที่ต้องห้ำหั่น สาดใส่ฝ่ายตรงข้ามกันแบบอันลิมิต แถมถ้าไม่ทำตาม ไม่เห็นด้วย ไม่สนับสนุน ก็แสดงว่าไม่ใช่พวกเดียวกัน ก็ต้องเจอของแข็ง

อย่างนั้น มันจะต่างอะไรกับสิ่งที่คุณพร่ำบอกว่าเกลียด !

"ปวิน" นักวิชาการลี้ภัย
นักวิชาการ ความคิดจัดจ้านคนนี้ "ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์" มุมมองที่เขาสะท้อนออกมาล้วนได้รับทั้งดอกไม้และก้อนอิฐ เขาวิจารณ์คณะทหารอย่างไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม ขณะเดียวกันก็ชื่นชมทักษิณ ชินวัตร ว่าเป็นผู้นำประชาธิปไตย

"ปวิน" เป็นนักวิชาการคนแรกๆ ที่ถูก คสช.เรียกไปรายงานตัว เนื่องจากเขาไม่ไป จึงถูกออกหมายจับและถูกยกเลิกหนังสือเดินทาง

แต่ปวินโชคดีกว่า "คนเสื้อแดง" หนีภัยคนอื่นๆ ตรงที่เขามีตำแหน่งเป็นรองศาสตราจารย์ที่ศูนย์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ตั้งแต่ปี 2555 ทำให้ชีวิตลี้ภัยของเขาค่อนข้างสบาย

ปวิน จบปริญญาเอกจาก London School of Oriental and African Studies 2545/2002 เป็นข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ อยู่ถึง 13 ปี ตำแหน่งสุดท้าย คือ เลขานุการเอก 4 ปี ณ สถานทูตไทย สิงคโปร์ ก่อนที่จะลาออกไปเป็นนักวิจัยของ Singapore Institute of Southeast Asian Studies หรือ ISEAS

ปวินกล่าวขอบคุณรัฐบาลญี่ปุ่นที่ให้ความช่วยเหลือในเรื่องสถานะผู้ลี้ภัย และทำให้เขาสามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้