
7 พ.ย.61 ที่ห้องเวรชี้ (ห้องควบคุมใต้ถุนศาล) ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ศาลได้สอบคำให้การ คดีฟอกเงินลงทุนบิตคอยน์ หมายเลขดำ ฟย.50/2561ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ2ยื่นฟ้อง"นายปริญญา จารวิจิต"อายุ37ปี, "นายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต"หรือบูม นักแสดงซีรี่ย์วัยรุ่นชื่อดัง อายุ27ปี, "น.ส.สุพิชฌาย์ จารวิจิต"อายุ32ปี ซึ่งทั้งสามคนเป็นชาว จ.ชลบุรี ประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัวและเป็นพี่น้องกัน เป็นจำเลยที่1-3ในความผิดฐานสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้กระทำผิดฐานฟอกเงิน,ร่วมกันฟอกเงิน ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542มาตรา3,5,9,60
โดยอัยการ ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างต้นเดือน มิ.ย.-30ธ.ค.60จำเลยทั้งสามกับพวกอีก6คนร่วมกันวางแผนและสมคบกันด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหลอกลวงชักชวนให้นายเออาร์นี่ย์ โอตาวา ชาริมา (Aamai Otava Saarimaa)ชาวฟินแลนด์ ผู้เสียหาย ให้ร่วมลงทุนทำธุรกิจซื้อหุ้นของ บริษัท เอ็กซ์เปย์ ซอร์ฟแวร์ จำกัด(Expay Software) ,ร่วมลงทุนประกอบธุรกิจสร้างเงินดิจิตอลสกุล ดราก้อน คอยน์ กับ บริษัทเอ็นเอ็กซ์ เชน อินคอร์ปอเรเต็ด (NX Chain Inc.)และซื้อหุ้น บริษัท ดีเอ็นเอ (2002)จำกัด (มหาชน) จำนวน500ล้านหุ้น ซึ่งผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินดิจิตอลสกุลบิตคอยน์ (Bitcoins)จำนวนหลายครั้งเข้าไปในกระเป๋าอิเล็กทรอนิกส์ของจำเลยทั้งสามกับพวกที่เปิดรองรับไว้แล้วพวกจำเลยได้เงิน บิตคอยน์ดังกล่าวไปขายในระบบซื้อขายอินเตอร์เน็ต คิดเป็นเงินจำนวน797,408,454.33บาท และนำเงินที่ขายได้เข้าบัญชีธนาคารของจำเลยทั้งสามกับพวก ทั้งที่ความจริงแล้วไม่มีการลงทุนทำธุรกิจจริง ขณะที่จำนวนหุ้นของบริษัท ดีเอ็นเอฯ ที่ผู้เสียหายได้ซื้อไปก็ไม่ได้ครบตามจำนวนที่ตกลงซื้อ
ซึ่งภายหลังจำเลยทั้งสามกับพวก ก็ได้ร่วมกันนำทรัพย์สินดังกล่าวที่ได้จากการกระทำผิดหลายครั้งนั้นไปเปลี่ยนสภาพเพื่อปกปิดแหล่งที่มา โดยเมื่อวันที่11ต.ค.60จำเลยทั้งสามได้นำเงิน20ล้านบาทโดยนายปริญญา จำเลยที่1เป็นผู้ซื้อและทำนิติกรรมซื้อที่ดิน2แปลง เนื้อที่2งาน7ตารางวา แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม.,วันที่12ต.ค.60นายปริญญา จำเลยที่1ได้นำเงิน59ล้านบาทไปซื้อที่ดิน2แปลง เนื้อที่3งาน143.5ตารางวา แขวง-เขต ดินแดง กทม.,วันที่19ต.ค.60นายปริญญา จำเลยที่1ได้นำเงิน27,140,000บาท ไปซื้อที่ดิน2แปลง เนื้อที่3งาน118.9ตารางวา ใน จ.นนทบุรี,วันที่29พ.ย.60นายปริญญา จำเลยที่1ได้นำเงิน18,450,000บาทไปซื้อที่ดิน1แปลง เนื้อที่1งาน23ตารางวา แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม.
และเมื่อวันที่6ต.ค.60นายจิรัชพิสิษฐ์ หรือบูม จำเลยที่2นำเงิน43,130,000บาทไปซื้อที่ดิน1แปลง เนื้อที่3งาน80ตารางวา แขวงจันทร์เกษม เขตจตุจักร กทม.,วันที่6ธ.ค.60น.ส. สุพิชฌาย์จำเลยที่3นำเงิน8.5ล้านบาทไปจดทะเบียนขายฝากที่ดิน6แปลง เนื้อที่94.5ตารางวา แขวงจันทรเกษม แขวงลาดยาวแขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. (รวมเงินทำธุรกรรมที่ดินทั้งสิ้น 176,220,000 บาท) เหตุเกิดที่ แขวงจันทรเกษม แขวงลาดยาว แขวงจอมพล เขตจตุจักร,แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา,แขวง-เขตดินแดง แขวง-เขตห้วยขวาง แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี,แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม.,ต.บางกร่าง และ ต.สวนใหญ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี,ต.บางพระ และต.ศรีราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดยเมื่อวันที่9ส.ค.61เจ้าพนักงานจับกุมสามารถจับกุม นายจิรัชพิสิษฐ์ หรือบูม จำเลยที่2ได้ ส่วน น.ส. สุพิชฌาย์จำเลยที่3จับกุมได้เมื่อวันที่15ส.ค.61และจับกุม นายปริญญา จำเลยที่1ได้เมื่อวันที่1ต.ค.ที่ผ่านมา โดยในชั้นสอบสวนทั้งสามให้การปฏิเสธ
โดยในส่วนของนายปริญญา จำเลยที่1ปัจจุบันถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ในชั้นฝากขังตั้งแต่วันที่12ต.ค.ที่ผ่านมา วันนี้ศาลก็ได้เบิกตัวจำเลยมาสอบคำให้การ ส่วน "นายจิรัชพิสิษฐ์ หรือบูม"จำเลยที่2น้องชาย กับ "น.ส.สุพิชฌาย์" จำเลยที่3น้องสาวนั้น ทั้งสองได้รับการประกันตัวตั้งแต่ชั้นฝากขัง เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา คนละ2ล้านบาท ก็เดินทางมาศาลพร้อมสอบคำให้การ
ซึ่ง "ศาล" ได้อ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยทั้งสามฟังแล้ว "สามพี่น้องจารวิจิตร" จำเลยที่ 1-3 ก็ให้การปฏิเสธ โดยศาลกำหนดนัดตรวจพยานหลักฐานทั้ง 2 ฝ่าย ในวันที่ 24 ธ.ค.นี้ เวลา 13.30 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังสอบคำให้การแล้ว "บูม จิรัชพิสิษฐ์" กับ "น.ส.สุพิชฌาย์"พี่สาวก็ได้เดินทางกลับไปทันที โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ