"อารีด" ตั้ง 5 ปมวิหคหาดใหญ่ทำผิด จี้ให้ออกราชการ

วันนี้ (18 ต.ค.) เวลา 14.00 น.นายอารีด หมัดอะดั้ม ว่าที่ ร.ต.ชัชวาลย์ บำรุงวงศ์ ทนายความ และร.ต.อ.วัชรินทร เบญจทศวรรษ ผู้ช่วยเหลือเหยื่อในคดีอาญา เข้าพบ พ.ต.ท.ธัญญะ ลัภบุญ รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สภ.บางกล่ำ และคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จ ตามคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบอีกชุดหนึ่ง เพื่อทำการสนับสนุนการตรวจสอบการตั้งคณะกรรมการของสภ.หาดใหญ่ ว่าจะตรงกันกับ คณะกรรมการตรวจสอบของ สภ.บางกล่ำ มากน้อยเพียงใด เพื่อประกอบการพิจารณาทางวินัยและอาญา โดยจะสอบสวนให้เสร็จสิ้น และสรุปผลการสอบสวนทางวินัยไปยัง ตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ภายในวันที่ 25 ต.ค.2561 เพื่อลงโทษทางวินัยตามระเบียบพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ ต่อไป

นายอารีด และทีมงานทนายความได้ให้คำยืนยันเช่นเดิมกับผลการสอบสวนของ สภ.หาดใหญ่ ทุกประการ แต่เพิ่มเติมในประเด็น 5 ประการดังนี้1.กระบวนการตรวจปัสสาวะที่ด่านตรวจค้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่2.การควบคุมตัวไปที่สายตรวจ191 เพื่อตรวจปัสสาวะกระทำการโดยชอบตามกฎหมายหรือไม่3.กรณีชาวบ้านที่แต่งกายเลียนแบบตำรวจ ควบคุมตัวนายอารีด ไปส่งตรวจพิสูจน์ปัสสาวะที่ รพ.หาดใหญ่ ถูกต้องหรือชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และมีคำสั่งของผู้ใดรองรับให้ทำหน้าที่ควบคุมตัวตรวจพิสูจน์ ปัสสาวะ4.กรณี พนักงานสอบสวนจับกุมตัวคุมขังโดยอ้างผลการตรวจพิสูจน์ของรพ.หาดใหญ่ ตามที่ชุดจับกุมนำเสนอนั้นกระทำได้ตามกฎหมายหรือไม่5.สิทธิการได้รับการประกันตัวนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ทั้งนี้ หลังการให้สอบปากคำเสร็จสิ้นแล้ว ทนายความ ว่าที่ ร.ต.ชัชวาลย์ บำรุงวงศ์ กล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า การให้ปากคำต่อคณะการสอบสวนทั้งสองชุดนั้น เป็นไปในทางทิศทางเดียวกัน โดยการให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการ ตรวจสอบข้อเท็จริงที่ สภ.บางกล่ำ มุ่งเน้นเกี่ยวกับความชอบธรรมตามกฎหมายที่ได้บัญญัติไว้เป็นสำคัญ

ส่วน ร.ต.อ.วัชรินทร เบญจทศวรรษ ได้เข้าให้ปากคำเพิ่มเติม ในส่วนของเส้นทางการเงินและเงินในบัญชีของผู้ถูกกล่าวหา โดยให้คณะกรรมการตรวจสอบเส้นทางบัญชีการเงิน และการปล่อยตัวผู้เสพยาอีก 13 นายไปโดยไม่ได้ทำการจับกุมชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ตามที่ได้มอบเอกสารหลักฐานไว้ เพื่อพิสูจน์ว่า การกระทำความผิดของชุดจับกุมนั้น มีพยานหลักฐานแน่นหนา และกระทำผิดจริงตามข้อกล่าวหา และให้ดำเนินการทางวินัยอย่างเด็ดขาด ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ได้สั่งการไว้กรณีมีหลักฐานชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิด ให้ลงโทษเด็ดขาดด้วยการให้ออกจากราชการไว้ก่อนทุกราย