"บิ๊กป้อม" เชื่อ ผบ.ทบ. ไม่ได้ขู่จะปฏิวัติ

หลังจาก พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ประกาศในทำนองไม่แน่ใจว่าจะมีการรัฐประหารขึ้นอีกหรือไม่ ล่าสุด พลเอก ประวิตร วงษ์ สุวรรณ รอง นายก รัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ไม่มีหรอก ที่พูดหมายถึงวันข้างหน้าที่แสดงความเป็นกังวล แต่ไม่มีอะไร ถ้าเหตุการณ์สงบก็ไม่มีอะไร แต่ถ้าไม่สงบก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่เชื่อว่าคงไม่มีแล้ว


เมื่อถามว่า คำพูดดังกล่าวทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการขู่ว่าจะมีการรัฐประหารเกิดขึ้น พลเอก ประวิตร บอกว่า ไม่ได้ขู่ แต่ ผบ.ทบ.บอกว่า ถ้าสถานการณ์ ไม่เรียบร้อย เกิดจลาจล ก็เท่านั้น แต่ถ้าไม่มี ก็ไม่มีอะไร และเชื่อว่าจะไม่กระทบกับบรรยากาศทางการเมือง


ส่วนที่หลายฝ่ายแสดงความไม่เชื่อมั่นนั้น รองนายกฯ ได้ถามกลับว่า ไม่มั่นใจอะไร สงบมา 4 ปีแล้ว ผบ.ทบ.พูดเรื่องจริง ไม่มีอะไรหรอก และในฐานะที่ตนดูแลความมั่นคง ก็เห็นแล้วว่าไม่มีอะไร

เมื่อถามว่า หลังการเลือกตั้ง หากมีผู้ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง จะเป็นอย่างไร พลเอก ประวิตร กล่าวว่า ให้เกิดก่อน ส่วนจะทำอย่างไรมันเรื่องของผม


ทางด้าน พลอากาศเอก ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผู้บัญชาการทหารอากาศ ก็บอกว่า ผบ.ทบ. พูดมีเหตุผล เชื่อว่าทหารและทุกคนเป็นผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่ในรัฐบาลหรือประชาชนทั่วไป หรือทหาร ไม่มีใครอยากปฏิวัติอยู่แล้ว เพราะมีหน้าที่รักษาความสงบ ความมั่นคง ถ้าทุกคนร่วมใจกันอยู่ในกติกาก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เชื่อว่าเรื่องของอนาคตไม่มีใครอยากทำ


เมื่อถามว่า หากอนาคตบ้านเมืองถึงวิกฤต กองทัพพร้อมที่จะเข้ามารักษาความสงบหรือไม่ ก็ได้คำตอบว่า เหล่าทัพมีหน้าที่รักษาความสงบตามกรอบ โดยเฉพาะการดูแลการเลือกตั้ง เมื่อไม่มีความสงบ ตำรวจก็จะทำงานอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่ไหวก็จะเป็นทหาร ซึ่งเป็นกติกาปกติ เชื่อว่าทุกคนที่ผ่านประสบการณ์ทั้งหมด อยากเลือกตั้ง อยากมีรัฐบาลที่ดี จะได้เดินหน้าต่อไป ไม่มีใครไม่ต้องการความสงบ

ส่วนกรณีที่ฝ่ายการเมืองออกมาตอบโต้ โดยกล่าวหาว่าทหารเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการทำรัฐปฏิวัติประหาร ผบ.ทอ. บอกว่า เกินไปหรือไม่ ส่วนตัวไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น สิ่งที่เกิดตรงหน้าจริงๆ ถ้ามีหน้าที่ปฏิบัติก็คงต้องทำ แต่ว่าคำถามที่ถามลึกเกินไปตนไม่ทราบรายละเอียดว่าใครเป็นคนทำ และส่วนตัวไม่คิดว่าอยากจะให้มันเกิดขึ้นอีกด้วยซ้ำ ต้องช่วยกันจริงจัง จะได้เดินหน้าสักที


ขณะเดียวกัน ได้กำชับกำลังพลให้วางตัวเป็นกลางทางการเมือง พร้อมระบุว่า เรื่องนี้ทุกคนคิดได้หมดไม่ว่าจะพูดอย่างไร แต่จะต้องปฏิบัติด้วย เพราะในการอบรมให้ข้าราชการมีประชาธิปไตยในการเลือกตั้ง คือสิ่งที่ต้องทำอยู่แล้ว และเราก็ส่งเสริมอยู่แล้ว หน้าที่ของทหารคือที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลคือรักษาความสงบ ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่มีใครอยากปฏิวัติ


ส่วนเรื่องการอบรมให้ใช้ประชาธิปไตยก็ได้ทำอย่างเต็มที่ ซึ่งตนได้สั่งการให้ทบทวนอย่างละเอียดในเรื่องกำลังพลและสิทธิของพรรคการเมืองต่างๆที่จะเข้ามาชี้แจงนโยบายเพื่อให้เกิดความยุติธรรม แต่ปัญหาน่าจะอยู่ตรงนั้นมากกว่า เพราะทหารทำตามกรอบ ส่งเสริมให้ทุกคนไปเลือกตั้ง เเละยืนยันว่าจะเป็นกลางและพร้อม 100% ให้พรรคการเมืองเข้ามาหาเสียงในหน่วยทหาร อยากให้มาด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความยุติธรรม เพราะจากการอยู่หน่วยทหารต่างจังหวัดซึ่งเคยปฏิบัติเรื่องนี้มาก่อน ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรา แต่ปัญหาคือบางพรรคการเมืองเท่านั้นที่ใช้เวลาไม่เท่ากันในการมาหาเสียง อย่างไรก็ตาม ยินยันว่า มีการคาดโทษจริงจังสำหรับกำลังพลที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองซึ่งได้สั่งการเรื่องนี้บ่อยมาก เพราะว่าจะไปทำอย่างนั้นไม่ได้