svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

บอนด์ยีลด์สหรัฐพุ่งทะลุ 3.26% นิวไฮ 7 ปี

10 ตุลาคม 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

บอนด์ยีลด์สหรัฐพุ่งทะลุ 3.26% นิวไฮ 7 ปี ท่ามกลางความกังวลว่า จะทำให้ผู้บริโภคชาวอเมริกันมีเงินใช้จ่ายลดลง ส่วนค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยสำหรับการชำระเงินกู้และการจำนองเพิ่มมากขึ้น

ทรัมป์บอกไม่ Happy ต่อการทำงานของเฟดที่ใช้นโยบายการเงินเข้มงวดในการปรับขึ้นดอกเบี้ยไปล่วงหน้าไปก่อน ทั้งที่อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังคงขู่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็นมูลค่า 267,000 ล้านดอลลาร์ หากจีนตอบโต้มาตรการเรียกเก็บภาษีของสหรัฐ


1. อัตราผลตอบแทนบอนด์รัฐบาลสหรัฐ1อายุ 10 ปียังคงพุ่งทำนิวไฮต่อเนื่องแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปีที่ 3.26% นับตั้งแต่เดือนพฤศภสคม 2011 ขณะที่อัตราผลตอบแทนบอนด์อายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นเฉียดระดับ 3.50% แตะ 3.427% ในวันเดียวกัน lสวนทางราคาบอนด์ที่ร่วงลง

การที่อัตราตอบแทนบอนด์รัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง ท่ามกลางความกังวลว่า จะทำให้ผู้บริโภคชาวอเมริกันมีเงินใช้จ่ายลดลง ส่วนค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยสำหรับการชำระเงินกู้และการจำนองเพิ่มมากขึ้น ขณะที่บริษัทต่างๆ จะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นในการชำระหนี้ จะส่งผลต่อการลดวงเงินลงทุนของยริษัทต่างๆ รวมถึงลดจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน และส่งผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท


2, ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ Happy ต่อการทำงานของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ใช้นโยบายการเงินเข้มงวดปรับขึ้นดอกเบี้ยไปล่วงหน้าไปก่อน ทั้งที่อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ

หลังจากที่ค่าเงินดอลลาร์พุ่งแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมๆ กับอัตราผลตอบแทนบอนด์รัฐบาลสหรัฐที่ปรับตัวสูงขึ้นมากที่สุดในรอบ 7 ปี โดยผู้นำสหรัฐได้วิพากษ์วิจารณ์เฟดอีกครั้งหนึ่งว่า ไม่รู้สึกว่ามีความสุขต่อการที่เฟดกำลังปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว เพราะห่วงในเรื่องอัตราเงินเฟ้อ ทั้งที่เงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ จึงเท่ากับว่าเฟดขึ้นดอกเบี้ยล่วงหน้าไปก่อน

โดยผู้นำสหรัฐไม่อยากเห็นช่วงเวลาที่สหรัฐจะมีต้นทุนการเงินถูกผ่านไปอย่างรวดเร็ว และต้องสูญเสียเงินไปหลังจากที่มีการลดภาษี รวมถึงการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์ย้ำว่า ต้องการให้เศรษฐกิจสหรัฐเติบโตในอัตราสูงขึ้นต่อไป จึงต้องการให้เฟดหันมามองถึงภาวะเศรษฐกิจที่เป็นจริงในขณะนี้


3. ประธานาธิบดีทรัมป์เปิดเกมรุกสงครามการค้ากับจีนอีกเป็นระลอกที่่ 3 จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้านำเข้าจากจีนทูลค่า 267,000 ล้านดอลลาร์ ถ้าจีนยังตอบโต้การเรียกเก็บภาษีของสหรัฐ

โดยผู้นำสหรัฐกล่าวว่า ภาวะการค้าที่ไม่สมดุลระหว่างสหรัฐและจีนเป็นสิ่งที่บ่งชี้ว่าจีนได้ทำการตอบโต้สหรัฐ โดยจีนไม่พร้อมที่จะทำข้อตกลงการค้ากับสหรัฐ


4. นิกกี ฮาลีย์ ซึ่งได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งเทูตผู้แทนถาวรสหรัฐประจำสหประชาชาติภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวว่า จะเปิดเผยชื่อผู้แทนคนใหม่ภายในช่วง 2-3 สัปดาห์นี้

Dina Powell ผู้บริหารระดับสูงของ Goldman Sachs เป็นบุคคลหนึ่งที่เป็นเป้าหมายของประธานาธิบดีทรัมป์ที่จะดึงมาร่วมงาน แต่ Dina Powell บอกว่ายังชอบที่จะทำงานใน Investment Bank อยู่

ทั้งนี้ ผู้นำสหรัฐได้กล่าวยกย่องการทำงานของนิกกี ฮาลี ได้ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยเฉพาะในความพยายามปลดอาวุธนิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลี พร้อมกับกล่าวว่า นิกกี ฮาลีย์ได้แจ้งให้ทราบเมื่อราว 6 เดือนก่อน เกี่ยวกับแผนการลาออกจากตำแหน่งดังกล่าว

นิกกี ฮาลีย์ เป็นอดีตผู้ว่าการรัฐเซาธ์แคโรไลนา ได้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรสหรัฐประจำสหประชาชาตินับตั้งแต่เดือนมกราคมปีที่แล้ว กล่าวว่า ยังไม่มีแผนการใดๆ หลังจากยุติบทบาทดังกล่าว พร้อมกับยืนยันว่า ไม่มีแผนที่จะเป็นคู่แข่งของประธานาธิบดีทรัมป์ในการลงสมัครชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2020


5. ญี่ปุ่นเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดครั้งที่ 2 ระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์ และคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ โดยกำลังพิจารณาหารัสอร์ทนอกกรุงโตเกียว เพื่อใช้เป็นสถานที่จัดการประชุมสุดยอดดังกล่าว

แรงจูงใจที่ญี่ปุ่นต้องการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำสหรัฐและผู้นำเกาหลีเหนือนั้น สื่อของเกาหลีใต้รายงานว่า เป็นเพราะญี่ปุ่นไม่ต้องการถูกกีดกันออกจากการเจรจาหารือเกี่ยวกับประเด็นในคาบสมุทรเกาหลี แต่มีการออกมาปฏิเสธโดยหัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นกับรายงานข่าวนี้

logoline