svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เจาะประเด็นร้อน

"เลือกคนเดิมก็หวั่นใจ ให้คนใหม่ก็อาจเปลี่ยนไป"

27 กันยายน 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

นาทีนี้ "ค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม" มีความเคลื่อนไหวที่ต้องจับตาเป็นรายวัน เพราะตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวเดียวคือการวนเวียนกับการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ เเต่ถือเป็นเรื่องใหญ่ในการเมืองพอควร แถมยังมีเรื่องการโยกย้ายของอดีตส.ส.พรรคสะตอหลายคน ส่วนมากจะย้ายไปสองพรรคหลักๆ คือ พรรคพลังประชารัฐ ที่มีกลุ่มสามมิตรเป็นห้องเครื่อง และพรรครวมพลังประชาชาติไทยที่ลุงกำนันเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง


ดูท่าเเล้วเลือดสีฟ้าของค่ายปชป.กำลังไหลออกเยอะ ผลพวงส่วนหนึ่งมาจากสถิติพ่ายการเลือกตั้งหลายคราที่อดีตส.ส. และสมาชิกหลายๆ คนเริ่มไม่มั่นใจด้วย สำหรับการประชุมใหญ่พรรคครั้งแรกเมื่อวานที่ผ่านมา (26 ก.ย.) ถือว่ามีความคึกคักมาก



ที่น่าสนใจคือ "กลุ่มเพื่อนหมอวรงค์" นั่งเกาะกันเหนียวแน่นอยู่มุมห้องประชุมมองเห็นอย่างชัดเจน แม้ทั้งห้องประชุมเต็มไปด้วยรอยยิ้มไมตรีต่อกัน แต่ใครๆ ก็รู้ว่ากำลังอยู่ในบรรยากาศการแข่งขันภายในกำลังเกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ



"เท่าที่ได้เดินสายพูดคุยกับสมาชิกพรรคบางส่วน ผมมีความมั่นใจในระดับหนึ่งว่าสมาชิกส่วนใหญ่อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นภายในพรรค" คำกล่าวของนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ หนึ่งในผู้ประกาศตัวชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนต่อไป



แม้ว่าหมอวรงค์จะบอกว่า "ไม่ได้หมายความว่าถ้านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะเป็นหัวหน้าพรรคอีกสมัยการเปลี่ยนแปลงจะไม่เกิด" แต่เชื่อเถอะว่านี่คือปัจจัยที่สมาชิกพรรคต้องคิดถึงเป็นอย่างมากแน่นอนว่าจะเชื่อในคนใหม่ หรือเชื่อใจอุดมการณ์ของหัวหน้าพรรคคนเดิมอีกครั้ง



แต่เหนือสิ่งอื่นใดผู้สนับสนุนหลักในการส่งหมอวรงค์ชิงเก้าอี้คือ "ถาวร เสนเนียม" อดีตรองหัวหน้าพรรคที่หลายคนในพรรคมีหลากความเเคลงใจในการเดินหมากครั้งนี้ เเละอีกคนหนึ่งที่อาสาคือ "อลงกรณ์ พลบุตร" อดีตรองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ที่ชูประเด็นการปฏิรูปพรรค แม้เจ้าตัวจะปฏิเสธไปแล้วว่า "คสช. ไม่ได้ส่งมายึดพรรค แต่มีคนในพรรคชักชวนมา" แต่ก็นั่นแหละ ประวัติปูมหลังในช่วงนี้ของเสี่ยจ้อนไม่อาจทำให้หมดข้อสงสัย



ตัดมาที่ท่าทีของหัวหน้าพรรคคนปัจจุบันตลอดเวลาเดินสายตรง "ค้าน" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และยันว่าจะไม่ให้ความร่วมมือ หากรัฐบาลใหม่ไม่ได้มาจากเสียงข้างมากของประชาชน ถึงขั้นเคยพูดว่า "ใครหนุนพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ต้องมาที่นี่ เพราะมีพรรคอื่นคอยสนับสนุนอยู่แล้ว อยู่กับประชาธิปัตย์ก็ต้องสนับสนุนหัวหน้าพรรค"



สิ่งที่หัวหน้าพรรคสะตอยืนยันเเบบนี้ ทำให้อดีตส.ส.อาวุโสของพรรคประชาธิปัตย์เป็นห่วงเรื่องนี้ ซึ่งอภิสิทธิ์ยังคงยืนยันค้าน พล.อ.ประยุทธ์ แต่ในเมื่อไม่ยินยอมต่อพลังดูดดีๆ ก็ทำชวนคิดไปว่า ศึกภายในค่ายสีฟ้าแห่งนี้ หรือนี่คือกระบวนการเปลี่ยนท่าทีที่นายกฯ อยากให้ประชาชนได้สังเกตกับพรรคนี้? แม้ว่าความเป็นจริงแล้วอาจจะไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ก็อดคิดไม่ได้จริงๆ



หลังศึกนี้พรรคปชป.จะกลับมารวมเป็นหนึ่งอีกครั้งได้ไหม...หรือจะแตกคอกันเหมือนกรณีกลุ่ม "10 มกราฯ" ที่ต่างฝ่ายต่างดันหัวหน้ากลุ่มตัวเองชิงเก้าอี้ เมื่อผลออกมาฝ่ายที่พ่ายแพ้ต้องแยกตัวจากไปหรือไม่



ล่าสุด "หัวหน้าพรรค" ยังสะบั้นใยกับ "เพื่อไทย" ไปเเล้วว่า หลังประชาชนหย่อนบัตรเเล้ว...หากเพื่อไทยยังอยู่หรือยึดโยงกับระบอบทักษิณเเล้วนั้น..ไม่ต้องมาคุยกันเลยไม่ว่ากรณีใดๆ เเม้ "ลูกปลื้ม" จะออกมาพร้อมทอดไมตรีหย่าศึกสงครามกับเพื่อไทยไปก็ตาม หรือไม่เเคร์กรณีที่เพื่อไทยส่งเทียบเชิญอ้อมๆ มาว่า "พร้อมร่วมมือกับปชป.หากไม่หนุนขุนพลเเม่ทัพในการตั้งรัฐบาล"



เป็นอันว่ายกนี้ "ฝ่ายที่หวั่นว่าปชป.จะจับมือพท." ล้ม "คสช." นั้น คลายความตกใจล่วงหน้าได้เเล้ว เพราะกรณีนี้ "มันจบเเล้ว"



เเต่ก้าวเดินของปชป.จะเป็นอย่างไรต่อ "พลังสีฟ้า" จะเรืองรองหรือเเผ่วรังสีลงจากหลากเหตุข้างต้นนั้น คอการเมืองอย่าได้พลาดความเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์เชียว..เพราะมีอะไรให้กะเทาะต่ออีกหลายดอก

logoline