ทรัมป์ใช้เวที UN โจมตีกลุ่มโอเปกยังคงขูดรีดชาวโลก โดยปกป้องนโยบายการค้าของตนเอง

ทั้งนี้ ผู้นำสหรัฐระบุถึงกลุ่มโอเปกที่พยายามทำให้ราคาน้ำมันแพงขึ้น ทั้งที่สหรัฐให้การคุ้มครองหลายประเทศ โดยราคาน้ำมันดิบ WTI ยืนที่ระดับ 72.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาเบรนท์ยืนที่ 81.14 ดอลลาร์

ขณะที่ตลาดส่วนใหญ่คาดว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 2.0-2.25% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งจะนำไปสู่การที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 4 ในเดือนธันวาคมนี้ ล่าสุด ได้ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนบอนด์รัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งทะลุ 3.1% เมื่อวันอังคาร ก่อนที่ยืนล่าสุดอ่อนตัวลงที่ 3.085-3.098%



1. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้กล่าวสุนทรพจน์บนเวทีการประชุมสมัชชาใหญ่อง์การสหประชาชาติ (UN) โจมตีกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ทำการขูดรีดชาวโลกเหมือนเดิม ซึ่งไม่ควรจะมีผู้ใดชื่นชอบ

ถึงแม้ว่าสหรัฐได้ให้การคุ้มครองประเทศ รวมถึงพื้นที่การขนส่งน้ำมันดังกล่าว แต่กลับไม่มีอะไรดีขึ้น และยังคงมีการเอารัดเอาเปรียบทำให้ราคาน้ำมันแพง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ดีเลย



2. ทั้งนี้ กลุ่มโอเปกและประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกโอเปก รวมทั้งรัสเซีย ได้มีการประชุมที่แอลจีเรียเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เห็นพ้องให้คงกำลังการผลิตที่ระดับปัจจุบัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบ WTI ยืนที่ระดับ 72.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาเบรนท์ยืนที่ 81.14 ดอลลาร์

โดยประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวถึงความพยายามของสหรัฐที่เรียกร้องให้โอเปกเพิ่มปริมาณการผลิตเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันก็ตาม



3. ผู้นำสหรัฐยังได้ปกป้องนโยบายการค้าของเขา โดยกล่าวกับผู้นำทั่วโลกถึงการที่สหรัฐจะดำเนินการเพื่อผลประโยชน์ของประเทศ และจะไม่ผ่อนปรนต่อการเอารัดเอาเปรียบทางการค้า รวมทั้งจะไม่ให้แรงงานอเมริกันตกเป็นเหยื่อ บริษัทสหรัฐที่ถูกโกง และถูกขโมยความมั่งคั่งด้วยการถูกโยกย้ายออกไป

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้กล่าวสุนทรพจน์ ที่ระบุถึงความสำเร็จของตนเอง ในการร่วมมือกับคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เพื่อปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งษึ่งจะมีการพบปะกันเป็นครั้งที่ 2 ในไม่ช้านี้

ประธานาธิบดีทรัมป์ยังกล่าวถึงการถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน และทำการเจรจาการค้าครั้งใหม่กับประเทศคู่ค้าเพื่อปรับปรุงข้อตกลงเดิมที่เอารัดเอาเปรียบสหรัฐ ภายใต้นโยบายของ America First



4. ประธานาธิบดีมูน แจอิน เกาหลีใต้ และประธานาธิบดีทรัมป์ ต่างยินดีต่อการเจรจาระดับทวิภาคี เพื่อแก้ไขข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) โดยสามารถบรรลุข้อตกลงฉบับใหม่กันได้ ซึ่งยืนยันในการรักษาความสัมพันธ์ทางการค้าและเศรษฐกิจที่เอื้อประโยชน์ต่อประชาชนทั้ง 2 ชาติ





5. ขณะที่ตลาดการเงินโลกจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีขึ้นในเวลา 2 วันในวันที่ 25-26 กันยายน ซึ่งจะมีการแถลงการณ์ในเช้าวันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย โดยที่นักลงทุนเฝ้ามองการส่งสัญญาณทิศทางดอกเบี้ยในอนาคต รวมถึงสงครามการค้าที่จะกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ จากคำแถลงของเจอโรม พาวเวล

โดยที่ตลาดส่วนใหญ่ คาดว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 2.0-2.25% ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะนำไปสู่การที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 4 ในเดือนธันวาคมนี้ ล่าสุด ได้ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนบอนด์รัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งทะลุ 3.1% เมื่อวันอังคาร ก่อนที่ยืนล่าสุดอ่อนตัวลงที่ 3.085-3.098%