คันดินป้องกันน้ำท่วมสูง 7 เมตร 50 เซนติเมตร รอบนิคมอุตสหกรรมสหรัตนนคร เป็นหนึ่งในมาตรการป้องกันน้ำท่วมที่เคยได้รับผลกระทบอย่างหนักเมื่อปี 2554 เช่นเดียวกับ นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน และ นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้าไฮเทค
ทั้ง 3 นิคมอุตสาหกรรม เป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงในการเกิดอุทกภัยสูง รองผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สายงานปฎิบัติการ 1 ลงพื้นที่ เตรียมพร้อม และติดตามสถานการณ์น้ำประจำวัน ตรวจสอบและซ่อมแซมเขื่อน และคันดินรอบนิคมอุตสาหกรรม
ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ความสูงของคันดิน 4 เมตร 40 เซนติเมตร ระดับสูงสุดของเขื่อนอยู่ที่ระดับ 6 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล รวมระยะทางของคันดินกว่า 10 กิโลเมตร พร้อมผนังคอนกรีตเสริม และป้องกันการซึมและการกัดเซาะของน้ำด้วยแผ่น Geotextile โดยมีการเริ่มติดตามเฝ้าระวังระดับน้ำ มาตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ซึ่งเกณฑ์เฝ้าระวังพบว่ายังอยู่ในระดับปกติ
ขณะที่นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า ไฮเทค หลังน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 ได้เสริม ความสูงของคันดินอยู่ที่ระดับ 5 เมตร 40 เซนติเมตร เหนือระดับน้ำทะเล รอบพื้นที่โครงการมีสันคันกว้าง 2.50 เมตร และฐานกว้าง 10.60 เมตร รวมระยะทางของคันดินกว่า 11กิโลเมตร
ทั้ง 3 นิคมอุตสาหกรรม มีเครื่องสูบน้ำหลายเครื่อง สามารถสูบออกได้เป็น หมื่นลูกบากศ์เมตรต่อชั่วโมง ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา บอกว่าสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยาน้ำเหนือจะหลากมาช่วงกลางเดือนกันยายน มีการเร่งพร่องน้ำออกจากคลองชลประทานต่างๆ เปลี่ยนปฏิทินการปลูกข้าวให้เก็บเกี่ยวทันก่อนน้ำหลาก ซึ่งได้ทุ่งรับน้ำที่เก็บน้ำได้เกือบเท่าเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
ในสถานการณ์ช่วงเฝ้าระวัง ทั้งการนิคมอุตสาหกรรม ได้ ตรวจเช็คปริมาณน้ำอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ยังต้องประเมินปริมาณน้ำที่จะเพิ่มเติมเข้ามาในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่คาดการณ์ว่า ช่วงเดือนกลางเดือนกันยายน ถึงจะทราบปริมาณน้ำที่ชัดเจน เพราะต้องประเมินจากปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาก่อนด้วย