จับตาพายุ 2 ลูก ประชิด "มังคุด" จ่อเป็นซุปเปอร์ไต้ฝุ่น

ฤดูฝนในประเทศไทย มาถึงปลายฤดู และช่วงกันยายน จะเป็นช่วงที่มีฝนตกหนักมากที่สุดในฤดูฝน นอกจากปัจจัยฝนจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ฝั่งทางด้านตะวันออก มหาสุทรแปซิฟิก เรื่องของพายุหมุนเขตร้อนเป็นอีกปัจจัยที่ต้องติดตาม โดยเฉพาะ กันยายน-ตุลาคม เพราะเป็นตัวชี้ชะตาสถานการณ์น้ำ หากพายุเข้ามา โดยเฉพาะเส้นทางพายุหมุนเขตร้อน ครึ่งหลังกันยายน หากเข้ามา รูปแบบหลักมีแหล่งกำเนิดในทะเลจีนใต้ตอนกลาง เคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามผ่านลาวเข้าไทยทางภาค อีสานตอนล่าง แล้วจึงเข้าสู่ภาคกลาง ส่วนรูปแบบรอง มีแหล่งกำเนิดในมหาสมุทรแปซิฟิกเคลื่อนผ่านฟิลิปปินส์ ทะเลจีนใต้เวียดนาม และลาวเข้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือของไทย


ฤดูฝนปี 2561 ประเทศไทยเจอพายุ เข้ามาในไทยตรงๆ ไปแล้ว 1 ลูก นั่น คือ "พายุเบบินคา" หลังจากขึ้นฝั่งเวียดนาม ลาว มาถึงไทย ขณะที่ยังเป็นพายุโซนร้อน ถือว่าไม่บ่อยที่ความรุนแรงของพายุเมื่อมาถึงไทยจะเป็นพายุโซนร้อน ปกติเมื่อพายุขึ้นบกจะเริ่มอ่อนกำลังลง จะแนวสิ่งกีดขวาง ปกติไทยจะได้รับอิทธิพลพายุ คือ หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง หรือ รุนแรงสุดก็ คือ พายุดีเปรสชั่น

ล่าสุดการก่อตัวของพายุ ที่ตั้งชื่อโดยไทย คือ มังคุด กำลังเป็นที่จับตาของสำนักอุตุนิยมวิทยาต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบ ทั้งฟิลิปินส์ ไต้หวัน จีน เวียดนาม แม้กระทั่งประเทศไทยก็ยังมีความเสี่ยงทางอ้อม ต้องเฝ้าจับตาใกล้ชิด


เริ่มที่ฟิลิปินส์ ปกติจะเป็นเกาะกำบังให้ไทย แต่ช่วงหลังฟิลิปินส์ห่างหายจากพายุมานาน เป็นเรื่องที่ก็น่าคิด ดูเหมือนประเทศที่ได้รับผลกระทบจากพายุ จะเป็นญี่ปุ่น ส่วนใหญ่ และ หากพายุมังคุดเคลื่อนผ่าน ฟิลิปินส์ เหนือเกาะลูซอน ก็น่าจะเป็นพื้นที่เสี่ยง


ล่าสุด กรมอุตุนิยมวิทยาไต้หวัน แถลงเตือน พายุ มังคุด ไต้ฝุ่นลูกที่ 22 ของปี2561 หลังก่อตัวบริเวณหมู่เกาะมาร์แชลล์ รุ่งเช้าวันที่ 8 ก.ย. ทิศทางกำลังมุ่งหน้าทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือความเร็ว 33 กม./ชม. จุดศูนย์กลางอยู่ห่างจากไต้หวันไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 3,920 กม.

ตลอดเส้นทางที่เคลื่อนผ่าน ไม่มีสิ่งกำบัง สภาพภูมิอากาศเอื้ออำนวย ทำให้ทวีกำลังแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่า จะส่งผลกระทบต่อไต้หวันตั้งแต่ วันเสาร์ที่ 15 ก.ย.เป็นต้น อย่างน้อย เป็นเวลา 3 วัน และ จะเป็นพายุไต้ฝุ่นใกล้บริเวณไต้หวันลูกที่มีกำลังรุนแรงที่สุดในปีนี้ พร้อมเตือนประชาชนต้องจับตาอย่างใกล้ชิด หลังจากที่ได้เจอฝนจากลมหนาว ไประลอกหนึ่งแล้ว

Jason Nicholls ผู้เชี่ยวชาญอุตุนิยมวิทยา เว็บไซต์ AccuWeather ของสหรัฐอเมริกา คาดว่า ไต้ฝุ่นมังคุด มีโอกาสพัฒนากลายเป็นซุปเปอร์ไต้ฝุ่น สัปดาห์หน้า มีความรุนแรงตั้งแต่ อาจพัดผ่านเกาะกวม จากนั้นปลายสัปดาห์หน้า หรือ ประมาณ 15-16 ก.ย. ไต้ฝุ่นมังคุดจะส่งผลกระทบต่อไต้หวัน และ จีนแผ่นดินใหญ่


แต่ก่อนที่จะเผชิญกับ พายุมังคุด นั้นล่าสด หย่อมความกดอากาศต่ำ 90W ทางตะวันออกเฉียงใต้ของ ไต้หวัน ก่อตัวเป็นพายุดีเปรสชันลูกใหม่แล้ว ทิศทางมุ่งผ่านทางใต้ของจีน เคลื่อนตัวมาทางอ่าวตังเกี๋ย คาดว่าขึ้นฝั่งเวียดนาม มาสลายตัว ลาว มีโอกาสกลายเป็นพายุโซนร้อนหลังผ่านไต้หวันจะได้ใช้ชื่อว่า "บารีจัต"Barijat สหรัฐอเมริกา ตั้งชื่อ หมายถึงชายฝั่งที่มีคลื่นลม ตามภาษาพื้นเมืองเกาะมาเชล ขณะที่เเบบจำลองของศูนย์ร่วมการเตือนภัยไต้ฝุ่นคาดการณ์ รัศมีของพายุนี้ ผ่านทั้งไต้หวัน เวียดนาม ลาว ไทย มาถึงประเทศไทย ทางเหนือ และ อีสาน

(แบบจำลองเส้นทางพายุ )
อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา วันชัย ศักดิ์อุดมไชย ระบุว่า อิทธิพลของพายุมังคุด อาจจะส่งผลให้ไทยได้รับผลกระทบทางอ้อมมีฝนเพิ่ม คาดว่าเมื่อถึงใกล้หัวเกาะลูซอน ฟิลิปินส์ พายุมังคุด จะเบนหัวขึ้นไป จีน ตอนล่าง ไหลหลำ จะดึงให้ร่องมรสุมแรงแรงขึ้น ที่น่าห่วงลุ่มน้ำโขง เพราะยังมีฝนตกเพิ่มในลาวอยู่

ตามต้องจับตา ความความกดอากาศสูง หรือ มวลอากาศเย็น ที่จะแผ่ลงมาปกคลุมตอนบนของไทย ซึ่ง พายุ มักจะพ่ายแพ้ลมหนาว ที่เป็นอากาศแห้ง -เย็น เมื่อพายุมาเจอลมหนาว จะช่วยหยุดยั้ง การพัฒนาตัว หรือ การเคลื่อนตัวของพายุได้ ทำให้พายุ มังคุด และ บารีจัต กดต่ำลง ลดความรุนแรง และหากมวลอากาศเย็นถอยหลังกลับ พายุก็จะเคลื่อนขึ้นฝั่งได้ง่าย ต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด แต่ปัจจัยที่ยังคงทำให้เกิดฝนในไทย คือ ร่องฝน และ มรสุมตะวันตกเฉียงใต้

(การคาดการณ์ การเคลื่อนตัวของ ไต้ฝุ่นมังคุด วันที่ 15 กันยายน เข้าถล่ม ฟิลลิปินส์)