ด้านนายสนุน อมศิริ อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่ 6 ต.แพรกหนามแดง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ก็บอกว่า พื้นที่แห่งนี้เป็นของนางละเมียด ซึ่งเป็นพี่สาวและตอนนี้ก็ไปบวชชีอยู่ที่วัดในอ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันต์ และตนนั้นเป็นผู้ดูแลพื้นที่ดังกล่าว เดิมเคยปลูกว่านหางจระเข้ แต่ราคาไม่ดี จึงได้ปล่อยทิ้งร้าง และมีต้นอังกาบหนูขึ้นมาจนเต็มพื้นที่แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร จนมีข่าวเรื่องที่มีคนเป็นโรคมะเร็งแล้วนำใบอังกาบหนูไปต้มแล้วดื่มแทนน้ำและเกิดหายจากโรคมะเร็ง และยังมีผู้ที่นำไปลงเฟสบุ๊คว่า ในพื้นที่แห่งนี้มีต้นอังกาบหนูขึ้นจำนวนมาก ทำให้วันนี้มีคนแห่มาเก็บ ส่วนตนนั้นไม่รู้ว่าสามารถรักษาโรคได้จริงหรือไม่ แต่ก็ได้ทดลองกินใบสดๆ ซึ่งพบว่ามีรสชาติขม และ เผ็ด แต่พอดื่มน้ำตามเข้าไปก็มีรสชาติหวาน สิ่งที่อยากจะขอคือไม่ได้หวง แต่คนที่มาเก็บนั้นอย่าถอนต้นไปขอให้เก็บแต่ใบเพราะเกรงว่าคนที่มาทีหลังจะไม่มี และอย่าเก็บไปมากเพราะเกรงว่าจะนำไปทำเป็นธุรกิจ รวมทั้งขออย่าทิ้งขยะในพื้นที่ให้สกปรก
ด้านนางจรัสพร ขาวเครือ อายุ 54 ปี อยู่บ้านเลขที่ 112/208 เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ ซึ่งเดินทางมาจากกรุงเทพเพื่อมาเก็บใบอังกาบหนูก็บอกว่า พี่สาวของตนนั้นป่วยเป็นโรคมะเร็งปอด ซึ่งก็มีการรักษามาอย่างต่อเนื่อง และเมื่อมีข่าวว่าต้นอังกาบหนูนั้นช่วยรักษาโรคมะเร็งได้ โดยครั้งนั้นได้เดินทางไปหาที่จ.สุโขทัย เพราะเห็นว่าที่นั่นมีต้นอังกาบหนู แต่พอไปถึงกลับผิดหวังเพราะหมดแล้ว จนมีการแชร์ในเฟสบุกว่าที่อ.ปากท่อ นั้นมีต้นอังกาบหนูจำนวนมากและเจ้าของก็อนุญาตให้เก็บได้ จึงได้รีบเดินทางมา เพราะก็เป็นอีกความหวังที่จะช่วยให้พี่สาวได้หายจากโรคร้าย
สำหรับต้นอังกาบหนูนั้นหรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Barleria prionitis L. เป็นพืชในวงศ์ ACANTHACEAE ภาษาอังกฤษ เรียก Porcupine flower ไม้พุ่มขนาดเล็ก สูง 1-1.5 เมตร ตามโคนต้นจะมีหนามแหลมยาวประมาณครึ่งเซนติเมตร กิ่งก้านของต้นอังกาบหนูจะแตกออกไปรอบ ๆ ต้น ส่วนใบเป็นใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกันเป็นคู่ ๆ ลักษณะของใบเป็นทรงรี ปลายและโคนใบจะแหลม ส่วนกลางใบจะกว้างประมาณ 0.5-1 นิ้ว ยาว 1.5-2 นิ้ว ขอบใบเรียบ มีสีเขียวอ่อน ออกดอกเป็นช่อค่อนข้างแน่น ดอกมีหลายสีทั้งสีเหลืองสด สีฟ้า สีขาว สีม่วงอ่อนแกมชมพู ที่โคนช่อดอกมีใบประดับรูปขอบขนานยาว ขอบใบเว้า ดอกส่วนโคนเชื่อมเป็นหลอด ยาว 3-4 เซนติเมตร ด้านนอกมีขนและมีเกสรผู้ 4 อัน แบ่งเป็นเกสรสั้น 2 เกสรยาว 2 ผลอังกาบหนูเป็นฝักรูปยาวรี ปลายและโคนแหลม ด้านในมีเมล็ดประมาณ 4 เมล็ดซ่อนอยู่