svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"หมอวรงค์" แจงยิบคำพิพากษาศาล จำนำข้าว ชี้ขบวนการฟอกยิ่งลักษณ์เริ่มแล้ว

20 สิงหาคม 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เมื่อวันที่ 14 ก.ค. น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว "Warong Dechgitvigrom" ว่าปี่กลองการเมือง ยังไม่ทันจะเริ่ม ขบวนการฟอกขาวนางสาวยิ่งลักษณ์ก็เริ่มแล้ว


โดยอ้างว่าเป็นคดีการเมืองที่เกิดจากรัฐประหาร รวมทั้งไปเอาตัวเลขรายงานการเงินแผ่นดิน มาปะปนกับรายงานการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งเป็นคนละบัญชี ไม่เกี่ยวข้องกัน เพื่อป้องกันการฟอกขาวแบบผิดๆ โดยตนขอนำบทสรุปคำพิพากษาศาลฎีกาคดีรับจำนำข้าว เพื่อช่วยกันเข้าใจความจริง จับผิดพวกโกงที่ต้องการบิดเบือน โดยทางศาลได้ให้ความชัดเจนไว้หลายประเด็น


น.พ.วรงค์ ระบุว่า 


1. ศาลชี้ว่า ศาลไม่มีอำนาจในการวินิจฉัยเรื่องนโยบายของรัฐบาลว่าเหมาะสมหรือไม่ แต่เป็นเรื่องที่ต้องกระทำโดยรัฐสภา 


2.กรณีของนายกรัฐมนตรี หรือหัวหน้าฝ่ายปกครอง ซึ่งมีหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดิน จึงไม่ใช่มีความรับผิดชอบต่อสภาเท่านั้น แต่ต้องรับผิดชอบให้เป็นไปตาม ตัวบทกฏหมาย และย่อมถูกตรวจสอบโดยกระบวนการยุติธรรม คดีนี้จึงไม่ใช่คดีดำเนินนโยบายผิดพลาด (ต้องตรวจสอบโดยรัฐสภา) แต่เป็นเรื่องของความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ


น.พ.วรงค์ กล่าวต่อไปว่า 

3.การดำเนินนโยบายรับจำนำข้าว ศาลได้ชี้ให้เห็นถึงความเสียหายหลายประการ 

     3.1 ความเสียหายขั้นตอนต้นน้ำ มีการโกงความชื้น และน้ำหนักเพื่อกดราคาชาวนา การสวมสิทธิ์ รวมทั้งข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อสวมสิทธิ์ การออกใบประทวนเท็จ การใช้เอกสารปลอม 

     3.2 ความเสียหายขั้นตอนกลางน้ำ มีข้าวเสื่อมสภาพ ข้าวเน่า ข้าวไม่ได้มาตรฐานกระทรวงพาณิชย์ ข้าวสูญหายจากโกดัง ความเสียหายในสองขั้นตอนนี้ ถือเป็นความเสียหายที่เกิดจากฝ่ายปฏิบัติ เพราะจำเลยในฐานะประธานกขช. ได้กำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีป้องกันความเสียหาย จึงถือว่านางสาวยิ่งลักษณ์ไม่ผิด แต่ความผิดนี้ลงไปสู่ระดับปฏิบัติ ซึ่งสอดคล้องกับ ป.ป.ท.ได้เตรียมดำเนินคดี เจ้าหน้าที่ทั้งอคส. อตก.และผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งโรงสีและเซอร์เวเยอร์ กว่า 900 คดี จึงขอให้รัฐบาลเร่งรัดการดำเนินคดีดังกล่าวให้ถึงที่สุด


4. ศาลได้ชี้ให้เห็นถึงการทุจริตในขั้นตอนปลายน้ำ นั่นคือการระบายข้าวแบบจีทูจี ซึ่งศาลเคยวินิจฉัยว่า เป็นการขายที่ไม่ชอบด้วยกฏหมาย เป็นการแอบอ้างสัญญาแบบรัฐต่อรัฐ เพื่อนำข้าวมาเวียนเทียนขายแก่ผู้ค้าในประเทศ และชี้ให้เห็นถึงกรณีของนางสาวยิ่งลักษณ์ว่า 

     4.1 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เคยอภิปรายไม่ไว้วางใจให้นางสาวยิ่งลักษณ์ทราบรายละเอียด และวิธีขายที่ไม่เป็นไปตามแนวปฏิบัติของรัฐต่อรัฐ 

     4.2 พาดพิงถึงผู้ประกอบธุรกิจค้าข้าว ที่เคยเกี่ยวข้องกับการทุจริตเกี่ยวกับการค้าข้าวในอดีต และบุคคลที่เป็นผู้ช่วยส.ส. ของพรรคเพื่อไทย ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนรัฐวิสาหกิจจีนมาซื้อข้าว 

     4.3 ก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจ นางสาวยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าเป็นการขายแบบรัฐต่อรัฐจริง 
     4.4 แม้นายบุญทรงจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ แต่กรรมการก็ล้วนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของนายบุญทรง และการตรวจสอบก็ไม่ตรงประเด็นการอภิปราย แสดงว่าเป็นการตรวจสอบไม่จริงจัง 

     4.5 นางสาวยิ่งลักษณ์ปรับนายบุญทรงออกวันที่ 30 มิถุนายน 2556 หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 25 พฤศจิกายน 2555 นานถึง 7 เดือน ซึ่งนำไปสู่การทำสัญญาจีทูจีเก้เพิ่มอีก 14 ล้านตัน (จีทูจีรอบสองที่รอป.ป.ช.ชี้มูลความผิด) 

     4.6 พฤติการณ์ของนางสาวยิ่งลักษณ์ ทราบว่าการขายไม่ชอบด้วยกฏหมาย แต่ไม่ระงับยับยั้งปล่อยให้มอบข้าวตามสัญญา ศาลได้พิพากษาว่า การกระทำของนางสาวยิ่งลักษณ์ จึงเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ซึ่งก็คือความผิดของการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวในขั้นตอนปลายน้ำ นั่นคือการระบายข้าวแบบจีทูจี



"บทสรุป คือ 

1.การดำเนินนโยบายช่วยชาวนานั้นไม่ผิด แต่ผิดที่มีการทุจริต หรือปล่อยให้มีการทุจริต 

2.การดำเนินโครงการรับจำนำข้าวนั้น มีความเสียหายทุกขั้นตอน ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ เพียงแต่ขั้นตอนต้นน้ำ และกลางน้ำ เป็นความรับผิดชอบของฝ่ายปฏิบัติ ส่วนปลายน้ำคือระบายข้าวแบบจีทูจี เป็นความรับผิดชอบของนางสาวยิ่งลักษณ์ฐานปล่อยปละละเลย 

3.นี่คือการตรวจสอบผ่านระบบรัฐสภา โดยอาศัยกลไกปกติของระบอบประชาธิปไตย"น.พ.วรงค์ กล่าว


logoline