เงินหยวนเริ่มเข้าสู่วัฏจักรอ่อนค่าลง

โดยที่เงินหยวนเป็นหนึ่งในสปอตไลท์มราบรรดานักลงทุนทั่วโลกกำลังสอดส่องอย่างใกล้ชิดท่ามกลางสัญญาณเศรษฐกิจจีนที่บ่งชี้แนวโน้มชะลอตัวลงหลังจากที่ธนาคารกลางจีนซึ่งมีนโยบายการเงิยที่ผ่อนคลายเผยยอดปล่อยเงินกู้สกุลเงินหยวนเดือนกรกฎาคมพุ่งสูงถึง 1.45 ล้านล้านหยวน




ทางด้านทรัมป์ไฟเขียวทุ่มงบกลาโหม716,000ล้านดอลลาร์ปี 2019 ยกเครื่องกองทัพสหรัฐให้ทันสมัย จากการคาดการณ์ว่าการขยายตัวของ GDP สหรัฐในปีนี้จะอยู่ที่ 3.1% ส่วนปี 2019 คาดว่า GDP จะชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำกว่า 3%เนื่องจากมาตรการกระตุ้นด้านการคลังเริ่มอ่อนแรงลง




1.เงินหยวนเริ่มเข้าสู่วัฏจักรอ่อนค่าลง โดย Onshore Yuanเคลื่อนไหวที่ 6.89 ต่อดอลลาร์ ขณะที่ Offshore Yuan เคลื่อนไหวที่ 6.8894-6.9043 ต่อดอลลาร์ในวันนี้ สวนทางกับ Dollar Indexที่พุ่งขึ้นแตะระดับ 96.31




โดยที่เงินหยวนเป็นหนึ่งในสปอตไลท์มราบรรดานักลงทุนทั่วโลกกำลังสอดส่องอย่างใกล้ชิดท่ามกลางสัญญาณเศรษฐกิจจีนที่บ่งชี้แนวโน้มชะลอตัวลง




ถึงแม้ว่าปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบM2 ที่เป็นความหมายกว้างซึ่งครอบคลุมเงินสดหมุนเวียนและเงินฝากทุกประเภท ขยายตัวขึ้น 8.5% เทียบรายปีอยู่ที่ 177.62 ล้านล้านหยวน เมื่อสิ้นเดือนกรกฎาคม ส่วน ปริมาณเงิน M1 ในความหมายแคบ ซึ่งครอบคลุมกระแสเงินสดหมุนเวียนและเงินฝากเผื่อเรียกขยายตัวขึ้น 5.1% เทียบรายปี อยู่ที่ 53.66 ล้านล้านหยวน




2. ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคล่าสุดของเดือนกรกฎาคมมีการชะลอตัวลงทั้งยอดค้าปลีกที่ปรับตัวขึ้น 8.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ต่ำกว่าคาดการณ์ที่9.1%และยังต่ำกว่าเดือนมิถุนายนที่ขยายตัว 9.0%




ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 6%จากระยะเดียวกันปีก่อน ต่ำกว่าคาดการณ์ไว้ที่6.3%




3.นอกจากนี้ธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่ายอดการปล่อยเงินกู้ล็อตใหม่สกุลเงินหยวนประจำเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ระดับ 1.45ล้านล้านหยวน หรือราว 211,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 627,800 ล้านหยวนเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน




แต่ทั้งนี้ยอดปล่อยเงินกู้สกุลเงินหยวนในเดือนกรกฎาคมชะลอตัวลงจากระดับ1.84 ล้านล้านหยวนในเดือนมิถุนายนแต่ก็ยังใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยรายเดือนในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งอยู่ที่ระดับ 1.5ล้านล้านหยวน




สำหรับยอดปล่อยกู้ให้ภาคครัวเรือนซึ่งเป็นการนำไปซื้อที่บ้าน อยู่ที่ระดับ 634,400 ล้านหยวน ขณะที่ยอดปล่อยกู้เพื่อบริษัทที่ไม่ใช่สถาบันการเงินและองค์กรของรัฐ อยู่ที่ 650,100 ล้านหยวน




4.ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามอนุมัติงบประมาณด้านกลาโหม 716,000 ล้านดอลลาร์ยกระดับกองทัพให้มีความทันสมัย และเพิ่มเงินเดือนให้กับทหาร




ทั้งนี้ รายจ่ายงบประมาณปี 2019ที่จะเริ่มต้นในเดือนตุลาคมนี้เป็นการลงทุนครั้งสำคัญที่สุดในกองทัพสหรัฐและกองกำลังทหารในช่วงประวัติศาสตร์สมัยใหม่ โดยประธานาธิบดีทรัมป์ ชี้ว่าสหรัฐได้เพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันมิสไซล์ครั้งใหญ่และใช้จ่ายเงินเป็นจำนวนหาศาลเพื่อรักษาระบบขีนาวุธที่ทันสมัย




5. ขณะที่ทำเนียบขาวแถลงว่างบกลาโหมดังกล่าวมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น 2.6% ที่เป็นการเพิ่มขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 9 ปีซึ่งจะนำไปใช้เพื่อการจัดซื้อเครื่องบินรบขับไล่ F-35 จำนวน 77ลำ เรือรบรุ่นใหม่ 13 ลำรวมถึงการเพิ่มกำลังทหาร 15,600 นายในทั้งกองทัพบก เรือและอากาศ รวมทั้งหน่วยนาวิกโยธิน




โดยสำนักงบประมาณสภาคองเกรสของสหรัฐคาดการณ์ว่าการขยายตัวของ GDP สหรัฐในปีนี้จะอยู่ที่3.1% ซึ่งสูงกว่าปีที่แล้วที่ขยายตัวเพียง 2.2%จากปัจจัยหนุนของการปฏิรูปและลดอัตราภาษีในวงเงิน 1,5 ล้านล้านดอลลาร์รวมทั้งเพิ่มการใช้จ่ายของรัฐบาล และการลงทุนของภาคเอกชนที่ปรับตัวสูงขึ้นสำหรับปี 2019 คาดว่า GDP จะชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำกว่า3% เนื่องจากมาตรการกระตุ้นด้านการคลังเริ่มอ่อนแรงลง