โดยเชื่อว่าหากนักการเมืองซึ่งเป็นผู้กุมอำนาจในนโยบายอาจใช้อำนาจในทางมิชอบเอื้อให้บริษัทใดบริษัทหนึ่งได้ประโยชน์จากโครงการผ่านการให้สัมปทาน และอาจมีอำนาจกำหนดนโยบายอันเอื้อต่อบริษัทใดบริษัทหนึ่งได้ และในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันก็กำหนดในมาตรา 184 เรื่องคุณสมบัติต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเอาไว้ โดยห้ามไม่ให้เข้าไปถือหุ้นในบริษัทที่ได้รับสัมปทานหรือเป็นคู่สัญญากับรัฐ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
แต่ที่ผ่านมาหลายคนก็อาจจะไม่รู้และไม่ทราบว่าบริษัทใดบ้างเข้าไปถือสัมปทานภาครัฐ เพราะเป็นการซื้อขายในตลาดหุ้น ดังนั้นการประกาศเช่นนี้จึงถือเป็นเรื่องดีและน่าจะเป็นคัมภีร์ที่นักการเมืองต้องพกติดตัวก่อนที่จะซื้อหุ้น และก่อนที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งทางการเมือง
โดยตลาดหลักทรัพย์เปิดเผยรายชื่อบริษัทที่รายงานว่ามีสัมปทานจากรัฐหรือเข้าเป็นคู่สัญญากับรัฐอันมีลักษณะเป็นการผูกขาดตัดตอน โดยเป็นข้อมูล ณ วันที่ 3 สิงหาคม 2561 พบว่ามีทั้งสิ้น 42 แห่ง แบ่งเป็นบริษัท 41 แห่ง และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน 1 แห่ง ประกอบด้วย
บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC
บริษัท อัคคีปราการ จำกัด (มหาชน) หรือ AKP
บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS
บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC
บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM
บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS
กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท หรือ BTSGIF
บริษัท บีที เวลธ์ อินดัสตรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTW
บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) หรือ BWG บริษัท เคมีแมน จำกัด (มหาชน) หรือ CMAN
บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC
บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EASTW
บริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ IEC
บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK
บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH
บริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS
บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD
บริษัท ล่ำสูง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ LST
บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ MCOT
บริษัท โมโน เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ MONO
บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ NBC
บริษัท เอ็นเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ NFC
บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG
บริษัท นามยง เทอร์มินัล จำกัด (มหาชน) หรือ NYT
บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ PDI บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT
บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP
บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC
บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS, บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC
บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ SCCC, บริษัท โซลาร์ตรอน จำกัด (มหาชน) หรือ SOLAR
บริษัท สยามราช จำกัด (มหาชน) หรือ SR, บริษัท ไทยฟิล์มอินดัสตรี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TFI
บริษัท ไทย-เยอรมัน เซรามิค อินดัสทรี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TGCI
บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM
บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPL
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE
บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) หรือ TTW
บริษัท สหอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) หรือ UPOIC
บริษัท ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) หรือ UVAN
บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WORK
ต้องทำความเข้าใจว่าหุ้นเหล่านี้มิได้ "บัญชีดำนักการเมือง" หากนักการเมืองต้อง "บัญชีดำ" หุ้นเหล่านี้ เพราะหากเผลอไปถือ และวันที่ต้องรับตำแหน่งทางการเมืองหากทิ้งไม่ทัน หรือหลงลืมถือไว้ก็จะพาให้ต้องกระเด็นจากตำแหน่งเอาง่ายๆและการประกาศเช่นนี้ทำให้ผู้ที่จะมาเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องไม่ต้องไปหาข้อมูลหรือไปแสวงหาเอาเองว่าบริษัทไหนมีสัมปทานกับรัฐหรือไม่ ซึ่งหลายครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย จึงถือเป็นเรื่องที่แฟร์กับทั้งสองฝ่าย แต่ก็น่าสนว่าบริษัทเหล่านี้ในปัจจุบันมีผู้ที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่ประกาศตัวว่าไม่ได้เป็นนักการเมืองถือหุ้นอยู่หรือไม่ และในอีกทางที่น่าสนใจไม่น้อยคือ การรับผลประโยชน์อันมิควรได้ ไม่จำเป็นต้องมาในลักษณะการถือหุ้นเพียงอย่างเดียว เพราะเราก็รู้กันอยู่ว่าบางคนไม่ต้องถือหุ้นอะไร ไม่ว่าจะเป็นบริษัทสัมปทานหรือไม่ แต่ก็รวยเอาๆ
บทความจาก คอลัมน์ ขยายปมร้อน หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก ฉบับวันที่ 8 ส.ค. 2561 โดย อรรถยุทธ บุตรศรีภูมิ