ในทางเศรษฐกิจประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจที่หนักหน่วงและรุนแรงอย่างยิ่งสภาพคนส่วนน้อยนิดรวยกระจุก แต่คนส่วนใหญ่จนกระจายได้ปกคลุมสังคมไทยมาต่อเนื่องยาวนาน และนับวันช่องว่างระหว่างคนรวยหยิบมือเดียวกับคนจนคนส่วนใหญ่ของประเทศมีแต่จะห่างออกไปยังมองไม่เห็นอนาคตว่าจะมีรัฐบาลใดสามารถหยุดยั้งและแก้ไขได้
ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศเช่นนี้ย่อมสะท้อนภาพความเป็นประชาธิปไตยในทางเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนเป็นอย่างดีคำว่า "อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย" ก็ดี"ประเทศไทยเป็นของคนไทยทุกคน" ก็ดีหรือ"ทรัพยากรของชาติเป็นของทุกคน" ก็ดีล้วนเป็นเพียงบทที่บัญญัติไว้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญ เท่านั้นในความเป็นจริงประชาชนส่วนใหญ่ มีส่วนในทรัพย์สินเพียงน้อยนิดหรือบางคนแทบไม่มีเลย
นอกจากนี้ในการประกอบธุรกิจก็มีผู้ประกอบธุรกิจขนาดใหญ่เพียงไม่กี่รายไม่กี่ตระกูลที่ครอบครองตลาดและมีอำนาจในทางธุรกิจเหนือกว่าผู้ประกอบการรายอื่นๆหลายกิจการมีการใช้อำนาจผูกขาด กีดกันผู้ประกอบการายอื่นๆ ที่จะเข้ามาโดยไม่เป็นธรรมสภาพเช่นนี้ ก็เปรียบเสมือนความเป็นเผด็จการทางเศรษฐกิจนั่นเอง
"รัฐพึงจัดระบบเศรษฐกิจให้ประชาชนมีโอกาสได้รับประโยชน์จากความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจไปพร้อมกันอย่างทั่วถึงเป็นธรรมและยั่งยืน สามารถพึ่งพาตนเองได้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงขจัดการผูกขาดทางเศรษฐกิจที่ไม่เป็นธรรมและพัฒนาความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศและประชาชน รัฐต้องไม่ประกอบกิจการที่มีลักษณะเป็นการแข่งขันกับเอกชนเว้นแต่เป็นกรณีที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงของรัฐการรักษาประโยชน์ส่วนรวม การจัดให้มีสาธารณูปโภคหรือการจัดทำบริการสาธารณะ
รัฐพึงส่งเสริมสนับสนุน คุ้มครอง และสร้างเสถียรภาพให้แก่ระบบสหกรณ์ประเภทต่างๆ และกิจการวิสาหกิจขนาดย่อมและขนาดกลางของประชาชนและชุมชน
ในการพัฒนาประเทศรัฐพึงคำนึงถึงความสมดุลระหว่างการพัฒนาด้านวัตถุกับการพัฒนาด้านจิตใจและความอยู่เย็นเป็นสุขของประชาชนประกอบกัน""
ซึ่งบทบัญญัติดังกล่าวเป็นหลักบัญญัติของความเป็นประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนที่รัฐธรรมนูญให้การคุ้มครองรับรองไว้ ซึ่งหากรัฐปฎิบัติได้จริงตามหลักการดังกล่าวความเป็นประชาธิปไตยทางเศรษญกิจของไทยย่อมปรากฎเป็นจริงความมั่นคงในทางการเมืองของระบอบประชาธิปไตยย่อมเกิดขึ้นได้ แต่โดยความเป็นจริงการปฎิบัติตามแนวนโยบายแห่งรัฐตามบทบัญญัติของกฎหมายรัฐธรรมนูญดังกล่าว ยังมีปัญหาอยู่มากโดยเฉพาะการที่รัฐหรือรัฐวิสาหกิจของรัฐประกอบกิจการแข่งขันกับเอกชนก็ดีหรือการที่ธุรกิจขนาดใหญ่มีอำนาจผูกขาด และทำลายธุรกิจสหกรณ์หรือชุมชนทำลายธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลางและวิสาหกิจขนาดย่อมมีความรุนแรงจนธุรกิจเหล่านั้นแทบไม่มีที่ยืน
ระบบปลาใหญ่กินปลาเล็กรุนแรงยิ่ง เหล่านี้คือภาพสะท้อนความเป็นประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจของประเทศเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทยไม่น้อยกว่าความไม่เป็นประชาธิปไตยในทางการเมือง หากเราคาดหวังที่จะเห็นประเทศเดินหน้าสังคมก้าวสู่การปฏิรูปประเทศเพื่อความเป็นประชาธิปไตย จำเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศของเราต้องให้ความสำคัญกับการสร้างประชาธิปไตยในทางเศรษฐกิจให้เกิดขึ้นและปรากฎเป็นจริงมิใช่เพียงแต่บัญญัติไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่ออวดอ้างและบอกกับชาวโลกเท่านั้น
คอลัมน์ข้าพระบาท ทาสประชาชน โดย....ประพันธุ์ คูณมี