นางดวงจิต เปิดเผยว่า ตนเป็นแม่ผู้เสียชีวิต คดีดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 มี.ค.61 เวลาประมาณ 11.00 - 19.00 น. น.ส.สุพัก เชิดจอหอ อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 159 ม.1 ต.เก่าย่าดี อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ บุตรสาว และ สามี ได้เดินทางไปที่ วัดท่าเว่อ ม.7 ต.ท่ามะไฟหวาน อ.แก่งงคร้อ จ.ชัยภูมิ เพื่อทําพิธีเพื่ออาบน้ํามนต์ สะเดาะเคราะห์ไล่สิ่งไม่ดีของจากร่างกาย โดยมีกลุ่มผู้กระทําความผิด เป็นพระภิกษุ และฆราวาส รวม 5 คน พูดจากชักชวนโน้มน้าวให้ น.ส.สุพัก ดื่มน้ํามนต์ เพื่อขับไล่สิ่งไม่ดีทางไสยศาสตร์ ออกจาก ร่างกาย
น.ส.สุพัก หลงเชื่อจึงตัดสินใจทําพิธี กลุ่มผู้กระทําความผิดมีการแบ่งหน้าที่กันทําโดยแบ่งเป็น คนทําพิธี, คนตักน้ํามนต์ คนป้อนน้ํามนต์และ คนพยุงตัว น.ส.สุพัก ทุกครั้งที่ น.ส.สุพัก ดื่มน้ํามนต์เข้าไปจะอาเจียนออกมาทุกครั้ง จนเมื่อดื่มน้ํามนต์ไปปริมาณ 2 บาตร น.ส.สุพัก เกิดอาการเกร็งชัก กระตุก ปะสสาวะ-อุจจาระเรี่ยราด แต่กลุ่มผู้กระทําความผิดก็ยังทําพิธีต่อ โดยอ้างว่าคุณไสยยังออกไม่หมด จน น.ส.สุพัก หมดสติ ได้นำส่ง รพ. และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ตนซึ่งเป็นมารดาของ น.ส.สุพัก จึงมาได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.แก่งคร้อ และพนักงานสอบสวนได้รับคําร้องทุกข์ไว้ตามคดีอาญาที่ 120/61 ลงวันที่ 4 เม.ย.61 และเวลาต่อมา ตนเห็นว่า คดีไม่มีความคืบหน้า และกลุ่มผู้ต้องหาเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ เกรงว่าจะ ไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้มาร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.อ.ศรีวราห์รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.
ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า ภายหลังจากได้รับการร้องเรียน ตน จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตํารวจที่เกี่ยวข้อง เร่งสืบสวน ติดตามจับกุมผู้กระทําความผิด มาดําเนินคดีโดยเร็ว ซึ่งต่อมาสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ร่วมกระทำความผิดได้ 4 ราย แต่ยังมีผู้ต้องหาที่หลบหนีอีก 1 ราย คือ พระโอภาษ ศรีสง่า อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 505 ม.10 ต.ท่ามะไฟหวาน อ.แก่งคร้อ จ.ชัยภูมิ ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลจังหวัดภูเขียว ที่ 55/2561 ลง 5 เม.ย.61 โดยต่อมา เจ้าหน้าที่ตํารวจ สภ.แก่งคร้อ และ กก.สส.ภ.จว.ชัยภูมิ สามารถติดตามจับกุมตัว "พระโอภาษ" มาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
"ซึ่งในวันนี้ พ่อ แม่ผู้ตาย ได้เดินทางมาเพื่อขอบคุณที่ได้สั่งการเร่งรัดการดําเนินคดีให้แต่จริงแล้วก็เป็นการทำไปตามหน้าที่ ที่ข้าราชการตำรวจจะต้องทำอยู่แล้ว ทั้งนี้ ตนขอฝากประชาสัมพันธ์ถึง พี่น้องประชาชน หากจะบริโภคหรือรับการรักษาด้วยวิธีการอื่นใด ซึ่งไม่ได้อยู่ในการควบคุมของแพทย์ต้องคํานึงสุขภาพของตนเองเป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีโรคประจําตัว" พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าว