ประธานเฟดแถลง เดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

1. เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงถึงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงครึ่งแแรกต่อวุฒิสภาเมื่อวันอังคาร ว่า เศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในช่วงที่มีการขยายตัวในอัตราที่รวดเร็ว ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสมกับการทำให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยเฟดมองว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐกำลังขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นทางการคลังที่มีการปฏิรูปภาษี ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค การลงทุนในภาคธุรกิจ ความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นของภาคครัวเรือน การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งเหมาะสมกับสภาวะทางการเงินที่ผ่อนคลายภายในประเทศ รวมทั้งอัตราว่างงานอยู่ในระดับต่ำ

2. ประธานเฟดชี้ว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 2 จะสูงกว่าไตรมาสแรกที่ขยายตัวเพียง 2% เป็นอย่างมาก โดยที่ตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่งในช่วงหลายปีข้างหน้า ท่ามกลาเงินเฟ้อมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นใกล้เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี

ขณะที่อัตราการว่างงานอยู่ที่ 4% ซึ่งสอดคล้องกับระดับซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเป็นระดับที่ใกล้กับการจ้างงานเต็มศักยภาพ ขณะที่ค่าจ้างต่อชั่วโมงปรับตัวขึ้นมากกว่าในปีที่แล้ว แต่ก็ไม่ทำให้เฟดต้องวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อ

นอกจากนี้ ประธานเฟดได้ระบุว่า ในเรื่องการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า เป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์ทิศทางนโยบายการค้าสหรัฐ รวมทั้งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในปัจจุบัน

3. เอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟด สาขาแคนซัสซิตี้ เป็นกรรมการเฟดที่มีสิทธิออกเสียงในการประชุมนโยบายการเงินที่จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม- 1 สิงหาคม กล่าวว่า เฟดควรเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ แต่ก็ควรดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อป้องกันภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยที่ตัวเลขจ้างงานมีการขยายตัวอย่างเต็มที่

ขณะที่ราคาสินค้าผู้บริโภคที่เริ่มอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ จึลทำให้เฟดต้องปรับนโยบายการเงินสู่ภาวะปกติ ด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยควรดำเนินการในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป โดยที่คาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นในเดือนกันยายนและธันวาคมนี้

4. นอกจากนี้ คำแถลงการณ์ของประธานเฟดในการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนั้น ยังเท่ากับเป็นการส่งสัญญาณถึงค่าเงินดอลลาร์ที่มีทิศทางแข็งค่ามากขึ้นเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง โดยพุ่งแตะ 113 เยน สูงสุดในรอบ 6 เดือน หลังจากที่ช่องว่างอัตราดอกเบี้ยของญี่ปุ่นและสหรัฐจะกว้างขึ้นด้วย

ทั้งนี้ ดอลลาร์มีการร์เคลื่อนไหวเปิดตลาดที่ 112.93-112.94 เยนในช่ว'เช้าวันนี้จนแคะระดับอ่อนสุดที่ 113 เยนล่าสุด เมื่อเทียบกับ 112.85-112.95 เยนในตลาดนิวยอร์ก และเคลื่อนไหวที่ 112.34-112.35 เยนในตลาดโตเกียว เมื่อวานนี้

5. ทางด้านธนาคารกลางจีนยังคงอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินในประเทศในวันนี้ ผ่านการดำเนินการทางตลาดเงิน (Open Market Operations) หรือ OMO

โดยที่ธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดเงิน 80,000 ล้านหยวน หรือราว 11,900 ล้านดอลลาร์ ผ่านทางข้อตกลงการขายบอนด์โดยมีสัญญาขายคืน (reverse repo) หลังจากที่ได้อัดฉีดเงินรวมกัน 390,000 ล้านหยวนเมื่อ 2 วันก่อน ประกอบด้วยสัญญาข้อตกลง reverse repo อายุ 7 วัน มูลค่า 60,000 ล้านหยวน ที่อัตราดอกเบี้ย 2.55% และสัญญาข้อตกลงอายุ 14 วัน มูลค่า 20,000 ล้านหยวน อัตราดอกเบี้ย 2.7%

ทั้งนี้ reverse repo เป็นกระบวนการที่ธนาคารกลางเข้าซื้อหลักทรัพย์จากธนาคารพาณิชย์ด้วยข้อตกลงที่จะขายคืนในอนาคต