svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

ทรัมป์-ปูติน ปฏิเสธรายงานฝ่ายข่าวกรองสหรัฐประเมินว่า รัสเซียได้แทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐเมื่อปี 2016

17 กรกฎาคม 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ทรัมป์-ปูติน ปฏิเสธรายงานฝ่ายข่าวกรองสหรรัฐประเมินว่า รัสเซียได้แทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปี 2016 โดยทรัมป์ยอมรับว่า ได้รับรายงานจากหน่วยข่าวกรองสหรัฐในเรื่องที่รัสเซียเข้าแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐครั้งที่ผ่านมา แต่เขามองไม่เห็นเหตุผลว่าทำไมรัสเซียถึงเกี่ยวข้อง

ส่วนปูตินยืนยันทางการรัสเซียไม่เคยแทรกแซงและจะไม่แทรกแซงกิจการภายในของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงกระบวนการเลือกตั้ง


ขณะเดียวกันผู้นำสหรัฐและผู้นำรัสเซียพอใจการประชุมซัมมิตที่ฟินแลนด์ โดยเห็นพ้องกันที่จะยกระดับความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในซีเรีย การต่อต้านการก่อการร้าย การแฮ็กข้อมูลโดยผ่าน cyber attack และการปลดอาวุธนิวเคลียร์


IMF เตือนว่า ดุลความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มไปสู่ช่วงขาลง ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า จนถึงปี 2020 ปัญหาข้อพิพาททางการค้าอาจจะส่งปลต่อเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงถึง 0.5% โแต่ยังคงตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปีนี้และปีหน้าที่ระดับ 3.9%


1. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ต่างแสดงออกถึงความพึงพอใจกับการประชุมสุดยอดทวิภาคัที่กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์เมื่อวันจันทร์ โดยระบุว่า ว่า การประชุมครั้งนี้ เป็นการประชุมที่สร้างสรรค์ และเป็นก้าวแรกที่ยิ่งใหญ่ ขณะที่สื่อส่วนใหญ่จับจ้อง เกี่ยวกับประเด็นร้อนเรื่องรัสเซียทำการแทรกแซงเลือกตั้งสหรัฐเมื่อปี 2016


โดยที่การแถลงข่าวมีขึ้นหลังเสร็จสิ้นการประชุม ท่ามกลางประเด็นปัญหาต่างๆ ที่ยังคงไม่มีข้อตกลงในการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม โดยประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวว่า การประชุม 2 ต่อ 2 ร่วมกับผู้นำรัสเซียเป็นเวลา 2 ชั่วโมง ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับการประชุมสุดยอดในครั้งนี้ พร้อมกับย้ำว่า เขามองไม่เห็นเหตุผลที่จะเชื่อว่ารัสเซียได้แฮ็กข้อมูลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปี 2016


2. หน่วยงานข่าวกรองของสหรัฐยืนยันผลการประเมินว่า รัสเซียได้แทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปี 2016 ทั้งนี้ แดเนียล โค้ทส์ ผู้อำนวยการฝ่ายข่าวกรองสหรัฐ ระบุในแถลงการณ์ถึงฝ่ายข่าวกรองที่เชื่อว่า รัสเซียจะยังคงพยายามบั่นทอนประชาธิปไตยของสหรัฐต่อไปอีก โดยที่ทางการรัสเซียอาจทำการแทรกแซงการเลือกตั้งช่วงกลางเทอมที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศิกายนนี้ด้วย


แดเนียล โค้ทส์ กล่าวว่า ฝ่ายข่าวกรองมีหน้าที่ให้ข้อมูลที่ดีที่สุดรวมถึงผลการประเมินที่อ้างอิงจากข้อเท็จจริงต่อประธานาธิบดี โดยมีจุดยืนชัดเจนว่า รัสเซียได้แทรกแซงการเลือกตั้งเมื่อปี 2016 และยังบั่นทอนประชาธิปไตยของสหรัฐด้วย


3, ประธานาธิบดีทรัมป์ ยอมรับว่า ได้รับรายงานจากหน่วยข่าวกรองสหรัฐในเรื่องที่รัสเซียเข้าแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐครั้งที่ผ่านมา แต่เขามองไม่เห็นเหตุผลว่าทำไมรัสเซียถึงเกี่ยวข้อง ถึงแม้เขามีความเชื่อมั่นต่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองของสหรัฐ


ทางด้านประธานาธิบดีปูตินกล่าวปฎิเสธเรื่องดังกล่าวว่า รัสเซียไม่ได้เข้าไปแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐเมื่อปี 2016 เพื่อให้ประธานาธิบดีทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง โดยย้ำว่า ทางการรัสเซียไม่เคยแทรกแซงและจะไม่แทรกแซงกิจการภายในของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงกระบวนการเลือกตั้ง


อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีปูตินกล่าวว่า เขาอยากให้ประธานาธิบดีทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง เพราะเขาได้กล่าวถึงการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับรัสเซียสู่ภาวะปกติในช่วงที่เป็นการหาเสียง


4. ขณะเดียวกัน ผู้นำสหรัฐและผู้นำรัสเซียยังได้เห็นพ้องกันที่จะยกระดับความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในซีเรีย การต่อต้านการก่อการร้าย การแฮ็กข้อมูลโดยผ่าน cyber attack และการปลดอาวุธนิวเคลียร์


โดยในระหว่างการแถลงข่าวร่วมกันนั้น ได้ระบุว่า ในประเด็นวิกฤติซีเรียนั้น สหรัฐและรัสเซียควรร่วมมือกัน แต่ยังไม่สามารถกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจนได้ ศึ่งประธานาธืบดีทรัมป์กล่าวว่า หลังจากการหารือ ประเด็นวิกฤตซีเรียค่อนข้างเป็นปัญหาที่ซับซ้อน จึงนับเป็นความร่วมมือระหว่างสหรัฐและซีเรียที่จะช่วยชีวิตผู้คนนับแสน


ขณะที่ผู้นำรัสเซีย กล่าวว่า ทั้งสองชาติต่างเห็นพ้องกันในการร่วมมือแก้ไขปัญหาต่างๆ ถือเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเดินหน้าการเจรจาเพื่อจำกัดอาวุธทางยุทธศาสตร์ อันตรายและความเสี่ยงภัยเกี่ยวกับการพัฒนาระบบป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐ แนวทางการยกเลิกการใช้ขีปนาวุธพิสัยกลางและพิสัยสั้น รวมถึงการหลีกเลี่ยงการใช้อาวุธทางอากาศ


นอกจากนี้ ถ้อนแถลงนังระบุถึงไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาไครเมียนั้น ซึ่งยังคงไม่ชัดเจน โดยประธานาธิบดีทรัมป์ยังยืนยันว่าการยึดครองไครเมียของรัสเซียถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย


5. กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) อัพเดทตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้และปีหน้าคงไว้ที่ระดัย 3.9% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากการคาดการณ์ในเดือนเมษายน


แต่เตือนว่าความตึงเครียดทางการค้าจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยที่ IMF ปรับลดตัวเลขคาดการณ์สำหรับการขยายตัวของกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยลดลง 0.1% สู่ระดับ 2.4% ในปีนี้ ขณะที่คงตัวเลขคาดการณ์ในปีหน้าที่ระดับ 2.2%


สำหรับการคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในตลาดเกิดใหม่ และกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา คาดว่าจะมีการขยายตัว 4.9% ในปีนี้ และ 5.1% ในปีหน้า โดยไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขคาดการณ์เดิม


อย่างไรก็ตาม IMF เตือนว่า ดุลความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มไปสู่ช่วงขาลง ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า จนถึงปี 2020 ปัญหาข้อพิพาททางการค้าอาจจะส่งปลต่อเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงถึง 0.5%


logoline