svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

สตีเวน มนูชิน ระบุ จีนต้องสัญญา จะดำเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจในระดับลึก ก่อนเจรจายุติสงครามการค้า

13 กรกฎาคม 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

สตีเวน มนูชิน ระบุเมื่อวันพฤหัสฯ ว่าจีนจำเป็นต้องให้คำมั่นสัญญาว่า จะดำเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจในระดับลึก ก่อนที่สหรัฐและจีนจะเปิดฉากการเจราจาเพื่อยุติสงครามการค้า

ประธานเฟดชี้การที่รัฐบาลสหรัฐทำการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าในขั้นสูงจะส่งผลกระทบด้านลบต่อเศรษฐกิจ หากมีการตั้งภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นจนส่งผลต่อสินค้าและการบริการจำนวนมาก รวมทั้งยังมีผลบังคับใช้ในระยะเวลาที่ยาวนาน 

คำถามที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ว่าใครจะได้รับผลกระทบมากที่สุด หากบรรยากาศของสงครามการค้าปะทุรุนแรงและขยายตัวในวงที่กว้างมากขึ้น พบว่า Top 3 ของประทศที่นำเข้ามูลค่าสูงสุดของโลกในปีที่แล้วคือ สหรัฐที่มีการนำเข้าเป็นมูลค่า 2.409 ล้านล้านดอลลาร์ ตามด้วยจีนนำเข้าเป็นมูลค่า 1.842 ล้านล้านดอลลาร์ และเยรมนีนำเข้าเป็นมูลค่า 1.167 ล้านล้านดอลลาร์


1.    สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสฯว่า  จีนจำเป็นต้องให้คำมั่นสัญญาว่า จะดำเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจในระดับลึก ก่อนที่สหรัฐและจีนจะเปิดฉากการเจราจาเพื่อยุติสงครามการค้า โดยที่ตนเองและคณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมจะเจรจาการค้ากับจีน เนื่องจากสหรัฐไม่มีจุดประสงค์ที่จะผลักดันนโยบายเรียกเก็บภาษีนำเข้า แต่ต้องการสนับสนุนให้เกิดนโยบายการค้าที่เป็นธรรม

คำแถลงของรัฐมนตรีคลังสหรัฐ มีขึ้นหลังจากที่ทีมเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนได้ส่งสัญญาณการเจรจาระดับทวิภาคีรอบใหม่ ซึ่งเป็นรอบที่ 3 ถึงแม้ว่า การเจรจา 2 รอบที่ผ่านมาจะล้มเหวก็ตาม  ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ออกมาขู่จีนช่วงก่อนหน้านี้ ที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็นมูลค่าสูงถึง 500,000 ล้านดอลลาร์ หากจีนยังคงดำเนินนโยบายการค้าที่เอาเปรียบต่อสหรัฐ



2.   ทั้งนี้ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โรเบิร์ต ไลท์ไธเซอร์ ผู้แทนกาาค้าสหรัฐ (USTR) เปิดเผยถึงการที่สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในอัตรา 10% จำนวน 6.031 รายการ เป็นมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์ ต่อเนื่องจากที่ได้ประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนระลอกแรกจำนวน 50,000 ล้านดอลลาร์ โดยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมมีการเรียกเก็บภาษีที่อัตรา 25% เป็นมูลค่า 34,000 ล้านดอลลาร์ และเตรียมเก็บเพิ่มอีก 16,000 ล้านดอลลาร์ภายใน 1-2 สัปกาห์นี้ รวม 1,100 รายการสินค้า 

เช่นเดียวกัน ทางการไดประกาศตอบโต้สหรัฐแบบตาต่อตา ฟันต่อฟันในช่วงที่ผ่านมา ด้วยการตอบโต่มาตรการเรียกเก็บภสศรยำเข้าในสัดส่วนที่เท่ากันกับฝ่ายสหรัฐ รวมทั้งพร้อมตอบโต้ทันที โดยเตือนว่าธุรกิจสหรัฐที่เข้าลงทุนในจีนอาจจะได้รับผลกระทบจากมาตรการการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยเฉพาะหากว่า สหรัฐยังคงใช้มาตรการภาษีกีดกันการค้าของจีนอีก



3.    เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ตวามเห็นเกี่ยวกับการที่รัฐบาลสหรัฐทำการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าในขั้นสูงจะส่งผลกระทบด้านลบต่อเศรษฐกิจ หากมีการตั้งภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นส่งผลต่อสินค้าและการบริการจำนวนมาก รวมทั้งมาตรการดังกล่าวยังบังคับใช้ในระยะเวลาที่ยาวนาน 

ประธานเฟดกล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่เฟดได้รับฟังความวิตกกังวลที่เพิ่มขึ้นจากภาคธุรกิจสหรัฐถึงผลกระทบของมาตรการภาษีนำเข้าของทีมงานประธานาธิบดีทรัมป์ โดยเฉพาะเราจะได้ยินสิ่งเหล่านี้ในหน้าหนังสือพิมพ์จากบรรดานักธุรกิจในทุกวันนี้ จึงเป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์ถึงผลที่เกิดขึ้นจะออกมาเป็นอย่างไร



4 .    นอกจากนี้ ยังมีคำถามที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ว่าใครจะได้รับผลกระทบมากที่สุด หากบรรยากาศของสงครามการค้าปะทุรุนแรงและขยายตัวในวงที่กว้างมากขึ้น โดยเฉพาะผลกระทบกับประเทศที่้เป็นคู่สงครามการค้าที่มีขนาดใหญ่ ทั้งสงครามการค้าที่เกิดขึ้นระหว่างสหรัฐกับจีน และสงครามการค้าสหรัฐกับสหภาพยุโรป (EU)


ทั้งนี้ ประเทศที่มีการนำเข้าสินค้าในระดับ Top 10 ของโลกมรปี 2017 ที่ผ่านมา ประกอบด้วย สหรัฐที่มีการนำเข้าเป็นมูลค่า 2.409 ล้านล้านดอลลาร์ เป็นอันดับ 1 ต่อมาอันดับ 2 คือจีนนำเข้าเป็นมูลค่า 1.842 ล้านล้านดอลลาร์ อันดับ 3 เยรมนีนำเข้าเป็นมูลค่า 1.167 ล้านล้านดอลลาร์

อันดับ 4-10 ประกอบด้วย ญี่ปุ่นนำเข้าเป็นมูลค่า  672,000 ล้านดอลลาร์ อังกฤษนำเข้าเป็นมูลค่า  644,000 ล้านดอลลาร์ ฝรั่งเศสนำเข้าเป็นมูลค่า 625,000 ล้านดอลลาร์ ฮ่องกงนำเข้าเป็น 590,000ล้านดอลลาร์ เนเธอร์แลนด์นำเข้าเป็นมูลค่า  574,000 ล้านดอลลาร์ เกาหลีใต้นำเข้าเป็นมูลค่า 478,000 ล้านดอลลาร์ และอิตาลีนำเข้าเป็นมูลค่า 453,000 ล้านดอลลาร์


โดยเฉพาะสหรัฐที่นำเข้ามูลค่ามหาศาล ขณะที่ส่งออกน้อยกว่า ส่งผลให้ปีที่แล้วทั้งปีจาดดุลการค้าถึง 860,000 ล้านดอลลาร์ ในจำนวนนี้เป็นการขาดดุลการค้ากับจีนมูลค่า 375,000 ล้านดอลลาร์ และขาดดุลการค้ากับ EU ถึง 152,000 ล้่นดอลลาร์



5.    ส่าสุด ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวที่กรุงบรัสเซลส์ เบลเยียมว่า สหรัฐยังคงมีแผนที่จะเก็บภาษีรถยนต์ที่นำเข้าจาก EU โดยคาดหวังให้ EU จะเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้า ซึ่งเราจะมาดูกันในวันที่ 25 กรกฎาคมนี้ ที่จะเริ่มเจรจากันกับสหรัฐ

และหาก EU ไม่ทำการเจรจาด้วยความจริงใจแล้ว สหรัฐก็จะต้องทำอะไรสักอย่างกับรถยนต์ที่นำเข้ามาจาก EU ที่ปัจจุบันมีการเก็บภาษีที่ระดับต่ำมาก

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ขู่ที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์จากยุโรปในอัตรา 20% 

logoline