svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

ทรัมป์พร้อมเปิดศึกสงครามการค้ากับจีนรอบ 2 สั่ง USTR ใช้มาตรการเรียกเก็บในอัตรา 10%

11 กรกฎาคม 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ทรัมป์พร้อมเปิดศึกสงครามการค้ากับจีนรอบ 2 สั่ง USTR ใช้มาตรการเรียกเก็บในอัตรา 10% ครอบคลุมสินค้านำเข้าจากจีน 6,031 รายการเป็นมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์ พุ่งเป้ากลุ่มสินค้าไฮเทค Made In China 2025 คาดจะมีผลบังคับใช้ปลายเดือนสิงหาคมนี้

ขณะเดียวกันทรัมป์เปิดฉากวิพากษ์ชาติพันธมิตรยุโรปอีกครั้ง ก่อนหน้าที่การประชุมสุดยอดผู้นำ NATO ที่จะเริ่มขึ้นที่กรุงบรัสเซลล์ เบลเยียม ในพุธและวันพฤหัสฯ นี้ พร้อมพบปะกับปูตินที่กรุงเฮลซิงกิ ฟินแลนด์

ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าร่วงลง จากความวิตกสงครามการค้าจะถูกกดดันรุนแรงมากขึ้น นำโดยดัชนีหุ้น HSI ฮ่องกงดิ่งลง 412.53 จุด หรือ 1.44% ดัชนี NIKKEI 225 ญี่ปุ่นร่วงลง 305.69 จุด หรือ 1.38% ดัชนี FTSE STI สิงคโปร์ร่วงลง 1.08% รวมทั้งดัชนี SSE Composite ของจีนเปิดเทรดที่ระดับ 2,780 ร่วงลง 46.93 จุด หรือ 1.66%



1. โรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) เปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 200,000 ล้านดอลลาร์ บในอัตรา 10% ซึ่งครอบคลุมถึงสินค้ารวม 6,031 รายการ ทั้งสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภคไปจนถึงสินค้าด้านการเกษตร

อย่างไรก็ตาม ตลาดกลับจับตากลุ่มสินค้าที่ตกเป็นเป้านั้นน่าจะเป็นกลุ่มสินค้าไฮเทคตามยุทธศาสตร์ Made In China 2025 ของรัฐบาลจีน
หลังจากสหรัฐและจีนไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการเจรจาเพื่อยุติข้อพิพาททางการค้า โดยคาดว่ามาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมในครั้งนี้จะมีผลบังคับใช้ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม หรือเดือนกันยายนนี้



2. คำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์ครั้งนี้ ได้มอบหมาบให้ USTR ดำเนินมาตรการตามกฎหมายการค้าของสหรัฐมาตรา 301 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ขู่ที่จะเรียกเก็บภาษีเป็นมูลค่าสูงถึง 500,000 ล้านดอลลาร์ ได้อ้างถึงการที่สหรัฐขาดดุลการค้าจำนวนมาก เนื่องจากมีการนำเข้าสินค้าจากจีนในปีแล้วเป็นมูลค่า 505,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่จีนนำเข้าสินค้าจากสหรัฐมีเพียง 129,800 ล้านดอลลาร์

สงครามการค้าสหรัฐกับจีนได้ระเบิดศึกระลอกแรกไปแล้ว เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากที่มีการตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีในอัตรา 25% เป็นมูลค่า 34,000 ล้านดอลลาร์ โโยที่สหรัฐกำลังจะดำเนินการเรียกเก็บภาษีอีก 16,000 ล้านดอลลาร์ภายใน 2 สัปดาห์นี้



3. ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเทรดวันนี้ร่วงลง จากความกังวลเกี่ยวกับการที่สหรัฐเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 200,000 ล้านดอลลาร์ นำโดย ดัชนีหุ้น HSI ฮ่องกงดิ่งลง 412.53 จุด หรือ 1.44% ดัชนี NIKKEI 225 ญี่ปุ่นร่วงลง 305.69 จุด หรือ 1.38% ดัชนี TAIEX ไต้หวันลดลง 0.59% ดัชนี FTSE STI สิงคโปร์ร่วงลง 1.08% ดัชนี Jakarta Composite อินโดนีเซียลดลง 0.66%

ขณะที่ดัชนี SSE Composite ของจีนเปิดเทรดที่ระดับ 2,780 ร่วงลง 46.93 จุด หรือ 1.66% รวมทั้งดัชนีหุ้นไทยเปิดตลาดร่วงลง 12 จุดลงมาเทรดในทิศทางขาลงระหว่าง 1,629-1,640



4. ประธานาธิบดีทรัมป์เปิดฉากวิพากษ์ชาติพันธมิตรยุโรปอีกครั้ง ก่อนหน้าที่การประชุมสุดยอดผู้นำองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) จะเริ่มขึ้นที่กรุงบรัสเซลล์ เบลเยียม

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้เดินทางถึงกรุงบรัสเซลล์เมื่อวานนี้ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ NATO ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 11-12 กรกฎาคม โดยหลังจากนั้นจะเดินทางเยือนสหราชอาณาจักร และพบปะกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ที่กรุงเฮลซิงกิของฟินแลนด์


5. นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐได้ทวีตข้อความที่วิพากษ์สหภาพยุโรป (EU) ว่า ทำให้เกษตรกรและบริษัทของสหรัฐไม่สามารถเข้าไปทำธุรกิจในยุโรปได้ โดยที่สหรัฐต้องขาดดุลการค้ามูลค้า 151,000 ล้านดอลลาร์ และ EU ยังมีความสุขกับการให้สหรัฐปกป้องพวกเขาผ่าน NATO ซึ่งเป็นการไม่ถูกต้อง

โดยก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีทรัมป์ชี้ว่า หลายประเทศใน NATO ไม่มีความมุ่งมั่นในการจ่ายเงินสมทบด้านการทหารจำนวน 2% ของ GDP ซึ่งอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ แต่ยังคงหลีกเลี่ยงการชำระเงินเป็นเวลานานหลายปี ซึ่งพวกเขาจะใช้เงินคืนให้กับสหรัฐหรือไม่?

ประธานาธิบดีทรัมป์ยังย้ำว่า EU ได้สร้างอุปสรรคทางการค้าที่มีต่อสหรัฐ และยังส่งผลทำให้เกินดุลการค้าด้วย อีกทั้งบางชาติสมาชิกของ NATO ก็ไม่ได้ระงับยับยั้งที่จะใช้มาตรการดังกล่าว ดังนั้น ประเทศสมาชิก NATO จะต้องจ่ายมากกว่านี้ ส่วนสหรัฐจะต้องเสียหายน้อยลง พราะที่ผ่านมาเป็นความไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย

logoline