svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ภารกิจสุดท้าย พา 13 หมูป่ากลับสู่อ้อมอก

11 กรกฎาคม 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ภารกิจทีมกู้ชีวิต 5 หมูป่าที่เหลือ นำทุกคนออกจากถ้ำปลอดภัย เร็วเกินคาด ขึ้น ฮ.ส่งรพ.เชียงราย สธ.แถลง 8 คนแรกแข็งแรง ร้องกินขนมปังช็อกโกแลต มีติดเชื้อปอดบ้าง

ในที่สุดภารกิจปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลือนำผู้ช่วยโค้ชและนักฟุตบอลเยาวชนทีมหมูป่า อะคาเดมี่รวม 13 คน ออกจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน เป็นต้นมา เป็นเวลา 18 วัน ก็ประสบความสำเร็จ เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนสามารถนำทั้ง 13 ชีวิต ออกมาจากถ้ำหลวงได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว



ภารกิจสุดท้าย พา 13 หมูป่ากลับสู่อ้อมอก


เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม การปฏิบัติการภารกิจนำทีมหมูป่าออกจากถ้ำหลวงเป็นวันที่สาม หลังจากสองวันก่อนหน้านี้พาออกมาได้แล้ว 8 คน โดยตั้งแต่ช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ทหาร พร้อมด้วยทีมเฮลิคอปเตอร์และรถพยาบาล เตรียมสแตนด์บายเช็กความพร้อมรอนำทีมหมูป่าที่เหลืออีก 5 คน ออกถ้ำหลวง ที่บริเวณลานเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราวสนามโรงเรียนบ้านจ้อง และสนามจอดเฮลิคอปเตอร์ปากทางบ้านผาหมี ห่างจากหน้าถ้ำประมาณ 5 กม. พร้อมทั้งคุมเข้มสื่อห้ามเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว


ภารกิจสุดท้าย พา 13 หมูป่ากลับสู่อ้อมอก

เฮ ! 5 สมาชิกทีมหมูป่าพ้นถ้ำแล้ว

ปฏิบัติการพาสมาชิกทีมหมูป่าที่เหลืออีก 5 คน เป็นนักฟุตบอล 4 คน และผู้ช่วยโค้ช 1 คน ออกจากถ้ำในวันที่สาม นักประดาน้ำรวม 19 นายได้เริ่มเข้าปฏิบัติการในถ้ำตั้งแต่ 10.08 น. ต่อมาเวลาประมาณ 15.20 น. เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยได้รับคำสั่งเตรียมความพร้อมทุกจุด ตำรวจเพิ่มกำลังตามถนนเข้า-ออกถ้ำหลวง ขณะที่พื้นที่รอบลาน ฮ. รัศมี 200 เมตรถูกกันเป็นพื้นที่หวงห้ามไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้



ภารกิจสุดท้าย พา 13 หมูป่ากลับสู่อ้อมอก



แฟ้มภาพ

ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่เริ่มปิดเส้นทางบริเวณหน้าอาคารอุบัติเหตุฉุกเฉิน เพื่อเตรียมเส้นทางสำหรับรองรับรถพยาบาลที่จะนำสมาชิกทีมหมูป่าอีก 5 คน ที่ถูกนำออกมาจากถ้ำหลวง ซึ่งเมื่อมาถึงก็จะได้รับการดูแลเช่นเดียวกับ 8 คนที่เข้ารักษาพยาบาลภายในอาคารอุบัติเหตุฉุกเฉินโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ก่อนหน้านี้ คือ การตรวจสุขภาพอย่างละเอียด ตรวจ ปัสสาวะ ตรวจเลือด และรักษาพยาบาลตามขั้นตอนต่อไป


ภารกิจสุดท้าย พา 13 หมูป่ากลับสู่อ้อมอก



ต่อมาเวลาประมาณ 15.30 น. มีรายงานว่าทีมนักประดาน้ำได้ช่วยเหลือสมาชิกหมูป่ารายที่ 9 ออกมาใกล้โถงปากถ้ำหลวงแล้ว โดยมีแพทย์สนาม โรงพยาบาลสนามรอรับเข้าจุดคัดกรอง

เวลา 16.12 น. หมูป่าคนที่ 9 ได้ออกจากปากถ้ำหลวง ก่อนส่งตัวไปโรงพยาบาลสนาม จากนั้นได้ลำเลียงขึ้นเฮลิคอปเตอร์ส่งโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์

หลังจากนั้น เวลา 16.33 น. หมูป่าคนที่ 10 ออกจากปากถ้ำหลวง ส่งตัวไปโรงพยาบาลสนาม

เวลา 17.13 น.หมูป่าคนที่ 11 ออกจากถ้ำ

เวลา 18.55 น.หมูป่าคนที่ 12 และ 13 ออกจากปากถ้ำเรียบร้อยแล้ว และถูกนำส่งเข้าโรงพยาบาลสนาม ก่อนส่งต่อไปยังโรงพยาบาลเชียงรายฯ ท่ามกลางความดีใจของทุกภาคส่วน พ่อ แม่ ผู้ปกครอง ตลอดจนชาวบ้าน

ภารกิจสุดท้าย พา 13 หมูป่ากลับสู่อ้อมอก





ภารกิจสุดท้าย พา 13 หมูป่ากลับสู่อ้อมอก



กักตัวเฝ้าระวังตรวจหาเชื้อ

เมื่อเวลา 11.30 น. นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้บัญชาการศูนย์อำนวยการค้นหาผู้สูญหายในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย (ศอร.) พร้อมด้วย นพ.ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย ได้ร่วมกันแถลงข่าวหลังจากปฏิบัติการ 2 วันติดกันสามารถช่วยเหลือทีมหมูป่าออกมาได้รวม 8 คนแล้ว



ภารกิจสุดท้าย พา 13 หมูป่ากลับสู่อ้อมอก


นพ.ทศเทพ กล่าวว่า ทีมหมูป่าทั้ง 8 คน กำลังได้รับการรักษาตัวโดยอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่ถือว่าได้รับมาตรฐาน เนื่องจากโรงพยาบาลเชียงรายฯ เป็นโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์การแพทย์ที่ทันสมัยและกำลังเป็นโรงเรียนแพทย์ที่สร้างบุคลากรทางการแพทย์สู่สังคมที่มีคุณภาพหลากหลายด้าน โดยปฏิบัติการวันแรกวันที่ 8 กรกฎาคม สามารถช่วยน้องทีมหมูป่า 4 คน อายุ 14 ถึง 16 ปี ซึ่งเมื่อไปถึงยังโรงพยาบาล ทั้งหมดมีอาการดี รู้สึกตัวดี บอกชื่อตนเองได้ แต่ 2 คนในนั้นคาดว่ามีอาการของโรคปอดบวมเล็กน้อย ส่วนอีก 2 คนแข็งแรงดีแต่ยังต้องเฝ้าระวังและต้องตรวจหาเชื้อโรคในร่างกาย โดยรอผลการแพทย์ยืนยัน ซึ่งจะรู้ผลใน 24 และ 48 ชั่วโมงหลังจากนี้ ซึ่งมีการตรวจหลายประเภทเพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้รับเชื้ออันตรายจากในถ้ำ

ขณะนี้ 4 คนแรกตามที่มีการบอกว่าหิวและอยากกินผัดกะเพรา แต่ขณะนี้แพทย์ยังไม่สามารถให้รับประทานได้ โดยยังคงเฝ้าระวังให้รับประทานได้เพียงอาหารธรรมดา รสชาติอ่อน แทบไม่ปรุงรสเท่านั้น ขณะนี้กำลังเตรียมอนุญาตให้ผู้ปกครองเข้าเยี่ยมผ่านห้องกระจก ไม่อนุญาตให้เข้าใกล้เด็กได้ ตราบใดที่ยังไม่ทราบผลว่ามีเชื้อโรคอันตรายหรือไม่



รอผลตรวจโรค 48 ชั่วโมง

ส่วนอีก 4 คนที่ได้รับการช่วยเหลือออกจากถ้ำเมื่อวานนี้ (9 ก.ค.) เป็นเด็กอายุ 12 ถึง 14 ปี สภาพร่างกายโดยรวมแข็งแรงดี รู้สึกตัวดีสามารถระบุชื่อตัวเองได้ กำลังได้รับการรักษาอยู่ภายในโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์เช่นกัน ทั้งหมดปลอดภัย แม้ว่าจะมี 1 ราย ที่ร่างกายมีอุณหภูมิต่ำกว่าปกติ คาดว่าเกิดจากการที่แช่อยู่ในน้ำนานเกินไป ได้รับการตรวจหาเชื้อในร่างกายแล้วเช่นกัน จะรู้ผลภายใน 24 และ 48 ชั่วโมงหลังจากนี้

นพ.ทศเทพ กล่าวอีกว่า จะมีการตรวจเข้มข้นเฝ้าระวังเพื่อค้นหาเชื้อโรคหรืออาการทางร่างกาย หากไม่พบเชื้อโรคเป็นอันตราย ก็จะอนุญาตให้ผู้ปกครองเข้าเยี่ยมอย่างใกล้ชิดได้และในระยะหนึ่งสัปดาห์อาจส่งตัวกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ตามปกติ



10.08 น.เริ่มปฏิบัติภารกิจ

นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า ปฏิบัติการช่วยเหลือนำสมาชิกหมูป่าอีก 5 คน ที่ยังติดอยู่ในถ้ำหลวงออกมานั้น ในวันนี้เตรียมความพร้อมได้รวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ มีการเตรียมความพร้อมตั้งแต่ช่วงเช้ามืด และส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปปฏิบัติการได้ตั้งแต่เวลา 10.08 น. โดยมีเจ้าหน้าที่ี่ดำน้ำ 19 นายเข้าไปภายในแล้ว

แม้ว่าจะมีฝนตกหนักในช่วงกลางคืนผ่านมา สภาพอากาศขมุกขมัวแต่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการในการสูบน้ำพร่องน้ำ ควบคุมระดับน้ำในถ้ำ ยืนยันว่าสภาพน้ำเย็นอยู่ในระดับที่ดี เทียบกับวันที่ปฏิบัติการวันแรกสามารถปฏิบัติการได้ตามปกติ รวมทั้งประสบการณ์ที่ผ่านมาเชื่อว่าวันนี้จะสามารถปฏิบัติการได้ดียิ่งขึ้นอีก ขอให้ทุกคนให้กำลังใจและลุ้นข่าวดีในช่วงเย็นวันนี้

ปรับแผนช่วยเหลือครั้งละ 4 คน

จากปฏิบัติการวันแรกใช้เวลา 11 ชั่วโมง ปฏิบัติการครั้งที่ 2 ใช้เวลา 9 ชั่วโมง เชื่อว่าปฏิบัติครั้งที่ 3 นี้ อาจจะใช้เวลาเท่าเดิมหรือมากกว่าเดิมเล็กน้อยถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เนื่องจากปฏิบัติการวันนี้ค่อนข้างหนักกว่าสองวันที่ผ่านมา ก็มีการปรับแผนอย่างมาก เนื่องจาก 2 ครั้งแรก เป็นการช่วยเด็กครั้งละ 4 คน แต่ปฏิบัติการวันนี้เป็น 4+1 คือการช่วยเด็ก 4 โค้ช 1 และหากสามารถทำได้อาจนำหมอ 1 คน ก็คือ พ.ท.นพ.ภาคย์ โลหารชุน หรือหมอภาคย์ และหน่วยซีล อีก 3 คน ที่อยู่ดูแลเด็กและโค้ชในถ้ำมาโดยตลอดออกมาพร้อมกันได้ ดังนั้น วันนี้เป็นปฏิบัติการต้องช่วยชีวิตถึง 9 คนออกจากถ้ำ ต้องลุ้นกันต่อไปว่าจะออกมาได้หมดหรือไม่ ซึ่งทุกคนจะได้ทราบภายในค่ำวันนี้(10 ก.ค.)



2 ชุดแรกมีปอดติดเชื้อ-อาการดีขึ้น



ก่อนหน้านี้ นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงอาการของทีมหมูป่าชุดแรกที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเชียงรายฯ ว่า เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ที่ผ่านมาว่า นายกรัฐมนตรีได้มาตรวจเยี่ยมและพบปะกับญาติของผู้ป่วยชุดแรก ซึ่งนายกฯ ได้ปฏิบัติตามมาตรฐานการควบคุมโรคตามแนวปฏิบัติการเยี่ยมผุู้ป่วย ซึ่งทางโรงพยาบาลได้ประสานกับทีมแพทย์โรงพยาบาลสนาม เรื่องการลำเลียงผู้ป่วยให้ปลอดภัย


ภารกิจสุดท้าย พา 13 หมูป่ากลับสู่อ้อมอก





รวมทั้งให้ความอบอุ่นร่างกายระหว่างการเคลื่อนย้าย ไม่ให้ปะปนกับผู้คนทั่วไปให้เป็นไปตามมาตรฐาน โดยเมื่อถึงหอผู้ป่วยได้รับการประเมินสัญญาณชีพ และมีการตรวจเลือด เอกซเรย์ปอด ตรวจคลื่นหัวใจ และให้น้ำเกลือ รวมทั้งฉีดวัคซีนป้องกันต่างๆ ทั้งบาดทะยัก และโรคพิษสุนัขบ้า และให้วิตามินบี 1 รวมทั้งยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา

นพ.เจษฎากล่าวว่า สำหรับผู้ป่วยชุดแรก 4 คน อายุ 14-16 ปี แรกรับร่างกายมีอุณหภูมิต่ำ ก็ได้รับการดูแลด้วยเครื่องให้ความอบอุ่น และยังพบว่ามี 2 คนมีผลเอกซเรย์ปอดผิดปกติ ซึ่งสงสัยว่าเป็นปอดอักเสบ และ 1 รายมีแผลถลอกที่ข้อเท้าขวา ล่าสุดเช้านี้ผู้ป่วยทุกคนไม่มีไข้ และทำกิจกรรมประจำวันได้ปกติ อย่างการลุกนั่งบนเตียง ส่วนการให้อาหารนั้น แรกเริ่มเราให้อาหารทางการแพทย์ ซึ่งจริงๆ เบื้องต้นได้รับอาหารส่วนหนึ่งตั้งแต่วันแรกที่หน่วยซีลพบแล้ว ดังนั้นการปรับตัวเรื่องอาหารจึงไม่ค่อยมีปัญหา โดยหลังจากได้รับอาหารเหลว จากนั้นก็สามารถปรับเป็นอาหารอ่อนได้ ล่าสุดเช้าวันนี้รับประทานอาหารปกติได้ แต่ทางเราก็ยังควบคุมอาหารที่ย่อยง่าย และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเผ็ด



ตรวจเลือดหาโรคอุบัติใหม่


ส่วนผู้ป่วยชุดที่ 2 อายุระหว่าง 12-14 ปี แรกรับก็มีอุณหภูมิร่างกายต่ำ โดยพบว่า 1 คนมีอุณหภูมิร่างกายต่ำมาก และมีภาวะหัวใจเต้นช้าผิดปกติ แต่ล่าสุดแพทย์รักษาจนร่างกายปกติ ซึ่งรวมแล้วทุกคนมีอาการสดชื่นดี ไม่มีไข้ ตอบโต้พูดคุยได้ ซึ่งทีมวางแผนได้เข้าประเมินร่างกายอีกครั้ง ทั้งการตรวจสายตา การมองเห็น ทีมโภชนาการ จิตแพทย์ รวมทั้งการส่งตัวอย่างหาเชื้อไวรัส และโรคอุบัติใหม่ต่างๆ ด้วย อย่างไรก็ตาม การตรวจแล็บเบื้องต้นเราตรวจได้ ยกเว้นโรคอุบัติใหม่เราก็ส่งไปตรวจที่กรุงเทพฯ คาดว่าใช้เวลาตรวจ 1-2 วันจึงจะทราบผล เบื้องต้นทั้ง 8 คน เช้านี้มีสุขภาพดี ไม่มีไข้ ทุกคนมีสุขภาพจิตดี ร่างกายสามารถช่วยเหลือตนเองได้ปกติ




ภารกิจสุดท้าย พา 13 หมูป่ากลับสู่อ้อมอก



เม็ดเลือดขาวสูงทุกคน

ล่าสุดอนุญาตให้ครอบครัวให้เยี่ยมผ่านกระจก เพราะเป็นมาตรการควบคุมโรค ซึ่งหากผลแล็บกลับมาและไม่พบการติดเชื้อก็จะให้เข้าเยี่ยม แต่ก็จะต้องสวมชุดตามมาตรการควบคุมโรคต่อไป โดยต้องสวมหน้ากาก และอยู่ห่างจากผุู้ป่วย 2 เมตร กระทั่งมั่นใจว่าไม่มีการติดเชื้อแน่นอน ก็จะให้เข้าเยี่ยมได้ปกติ ส่วนรายที่ปอดอักเสบนั้น เป็นปอดอักเสบเบื้องต้น ซึ่งเราให้ยาปฏิชีวนะไป ซึ่งเช้านี้อาการดีขึ้นแล้ว ไม่มีไข้อะไร อย่างไรก็ตาม ส่วนกรณีเม็ดเลือดขาวสูงนั้นพบในทุกคน ซึ่งเป็นเรื่องการติดเชื้อ แต่ก็ให้ยาแล้ว ทั้งนี้ต้องรอผลการตรวจสอบจากแล็บทางกรุงเทพฯ ก่อน

ร้องขอขนมปังช็อกโกแลต

"พบเม็ดเลือดขาวสูงแทบทุกคน เป็นอาการคล้ายติดเชื้อต่างๆ จึงให้ยาปฏิชีวนะป้องกันทุกคน รอผลแล็บแล้วประเมินอีกครั้ง เนื่องจากเด็กอยู่ในที่อับชื้นมาเป็นเวลานาน ร่างกายไม่ได้รับประทานอาหาร สุขภาพไม่แข็งแรงเท่าที่ควร ประกอบกับดำน้ำออกมานาน 4-6 ชม. แต่ไม่มีอาการอะไรน่ากังวล ทุกคนอยู่ในภาวะปลอดภัย แต่หิวบ่อย ต้องการอาหารมาก ต้องอยู่โรงพยาบาลอย่างน้อย 7 วัน ทุกคนมีสายตาปกติดี ข้างในถ้ำไม่เจอสัตว์อะไร รวมทั้งค้างคาว เมื่อเช้าอยากกินขนมปังช็อกโกแลต พอให้ได้ ก็จัดให้ไปแล้ว" นพ.เจษฎากล่าว


ชวน "อีลอน มัสก์" ลงทุนในไทย

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการช่วยเหลือ 13 เยาวชนที่ถ้ำหลวงในวันนี้ว่า เหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมา เมื่อคืนวันที่ 9 กรกฎาคม ที่ผ่านมาหลังปฏิบัติงานเสร็จจะมีการประชุมทั้งทีมงานปฏิบัติการในถ้ำ ทีมซีล และทีมของต่างประเทศ ว่าต้องมีการปรับอะไรหรือไม่ และเตรียมแผนที่จะดำเนินงานในวันต่อไป

ภารกิจสุดท้าย พา 13 หมูป่ากลับสู่อ้อมอก



แฟ้มภาพ

เชื่อว่าขณะนี้แผนสุดท้ายกำลังประชุมกันอยู่ และเข้าใจว่าวันนี้จะมีแผนนำโค้ชและเด็กออกมา โดยมีทีมซีลและทีมแพทย์ปิดท้าย ส่วนจะนำออกมาได้ 5 คน ในวันนี้(10 ก.ค.)ได้เลยหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับทีมปฏิบัติงานที่จะประเมินสถานการณ์ว่าสามารถนำออกมาทั้ง 5 คนได้หรือไม่ ซึ่งขึ้นกับอุปกรณ์และเครื่องมืออากาศด้วย อย่างไรก็ตามเมื่อคืนที่วันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตนและนายกฯ ได้หารือกับอีลอน มัสก์ ซีอีโอบริษัทสเปซเอ็กซ์ที่ส่งอุปกรณ์แคปซูลมาช่วยทีมหมูป่า ส่วนจะใช้หรือไม่ขึ้นกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ซึ่งนายกฯ มีความสนใจและได้ชวนเขามาลงทุนในไทย

สำเร็จได้ด้วยความร่วมมือทุกฝ่าย

พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวอีกว่าทั้งนี้ เจ้าหน้าที่หน่วยซีลของไทยและต่างชาติทำทุกอย่างด้วยความไม่ประมาท มีการซ้อมแผน ซักซ้อมการปฏิบัติเพราะมีความเสี่ยงสูงในทุกๆ เรื่องทั้งท่อและอากาศในการลงพื้นที่ ซึ่งแต่ละจุดที่ปฏิบัติงานของแต่ละฝ่ายจะต้องไม่บกพร่อง อีกทั้งหนทางที่จะเข้าถึงเด็กได้แน่คือการเข้าไปทางถ้ำ แต่ปัญหาของถ้ำคือน้ำและต้องทำอย่างไรให้ระดับน้ำลดลงได้ ซึ่งก็ได้เบี่ยงน้ำไม่ให้เข้าไปบนเขาโดยความร่วมมือของชาวบ้าน อีกส่วนคือการสูบน้ำออกจากภูเขาให้มากที่สุด ซึ่งเรื่องนี้ทำให้นักดำน้ำเข้าไปได้โดยไม่ต้องดำน้ำถึง 6 ชั่วโมง

นอกจากนี้มีจุดพักซึ่งเป็นที่แห้งให้ขึ้นมาเปลี่ยนออกซิเจนได้ โดยความสำเร็จเกิดขึ้นได้จากความร่วมมือของทุกคน ทั้งระบบทีมแพทย์ เครื่องมือมีมาตรฐาน ซึ่งตนภูมิใจแทนคนไทยทุกคน ส่วนพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการปล่อยน้ำนั้น ได้สำรวจตั้งแต่เริ่มการทำงาน แต่สิ่งที่น่าสนใจคือชาวบ้านทุกคนเสียสละ และไม่ต้องการอะไร ถ้าไม่ได้ค่าชดเชยก็ไม่ว่าอะไร เพียงขอให้ช่วยเด็กได้

เมื่อถามว่าขณะนี้ยังใช้ทีมดำน้ำชุดเดิมในการช่วยเหลือหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ใช้ชุดเดิมและจะไม่มีการเปลี่ยนทีมเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้น การช่วยเหลือครั้งนี้ต้องหาโอกาสที่ดีที่สุดโดยเด็กต้องแข็งแรง คำนึงถึงระดับน้ำ และระดับออกซิเจนในน้ำ


ร.10 รับสั่งใช้แผนถ้ำหลวงเป็นโมเดล


เมื่อถามว่าเรื่องนี้ทางกระทรวงมหาดไทยจะทำเป็นแผนกู้ภัยไว้หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีรับสั่งมาในเรื่องของการบริหารจัดการที่จะให้ทำข้อมูลและทำรายงานเก็บไว้ เข้าใจว่าน่าจะเป็นโมเดลเอาไว้ไปใช้เป็นต้นแบบและต้องเตรียมแผนที่จะฝึกต่อไป คิดว่าจากนี้กองทัพเรือคงจะส่งคนไปเรียนดำน้ำในถ้ำ เพราะที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะดำได้ในทะเลและน้ำจืด

ส่วนในถ้ำจะประสบการณ์น้อย ในส่วนของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) ก็มีแผนปฏิบัติการอยู่แล้วทั้งเรื่องอัคคีภัย เรื่องสึนามิ แต่กรณีเรื่องถ้ำนั้นเพิ่งเกิดขึ้น ก็ต้องฝึกไว้ ซึ่งกรณีนี้ต่างชาติก็ยังไม่เคยดำเนินการ

อย่างไรก็ตาม การจัดการศูนย์ของจังหวัดขึ้นกับระดับการเกิดเหตุ ถ้าเป็นจังหวัดเดียว ผู้ว่าฯ จะเป็นคนดูแล ถ้าเป็นอำเภอเดียวนายอำเภอก็จะดูแล แล้วแต่สเกล ซึ่งจะต้องบูรณาการหลายหน่วยงาน ถามว่าผู้ว่าฯ คนเดียวจบหรือไม่ ยังไม่จบเพราะต้องเข้าไปเกือบทุกกระทรวง ทั้งกระทรวงคมนาคม กระทรวงการต่างประเทศ



"บิ๊กตู่" ลั่นไม่มีวางยาสลบหมูป่า

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.กล่าว กรณีที่โลกโซเชียลแชร์ข้อความระบุมีการวางยาสลบทีมหมูป่า ก่อนนำตัวออกจากถ้ำว่า แพทย์ต้องการให้เด็กไม่ตื่นกลัว หรือลนลาน เหมือนที่เรากินยาแก้แพ้ ให้รู้สึกว่าไม่ตื่นเต้น ใครจะวางยาสลบ แล้วมันจะออกมาได้อย่างไร ทั้งนี้ แพทย์เรียกว่า ยาคลายประสาท เพื่อเด็กไม่ตื่นเต้น ไม่เครียด


ภารกิจสุดท้าย พา 13 หมูป่ากลับสู่อ้อมอก




"เรากินมาเยอะแล้ว ยิงปืนเราก็ให้กินแล้วมันจะยิงปืนแม่น เพราะไม่ตื่นเต้นไง ลองกินไหม เรากินทุกวันไม่เห็นตายเลย เรากินทุกคืน"



ทุกคนออกมาอย่างมีสติสัมปชัญญะ

ผู้สื่อข่าวถามว่า เด็กๆ ที่ออกมามีสติสัมปชัญญะครบกันทุกคนหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "มีแน่นอน เมื่อคืนผมไปเยี่ยมก็ทักคุยกับทุกคนทั้ง 8 คน มีสติกันทุกคน 4 คนแรกสามารถเข้าไปเยี่ยมได้เพราะผ่านการตรวจร่างกายตรวจเชื้อดีแล้ว อีก 4 คนที่เพิ่งออกมาเข้าไปเยี่ยมยังไม่ได้ยังคาดจมูกปิดจมูกอยู่ พอบอกให้ยกมือก็ยกกันทุกคน ผมได้บอกออกมาก็เป็นคนดีของสังคมใช่ไหม เขาก็ยอมรับว่าจะเป็นคนดีของสังคม อยากเป็นนักฟุตบอลใช่ไหมก็ขอให้ติดทีมชาติ พ่อแม่ที่เฝ้าอยู่ข้างนอกก็นั่งยิ้มชอบใจ ผมก็บอกว่า วันก่อนนายกฯ พูดเชื่อไหม ก็ตอบกันว่าเชื่อค่ะๆ สำเร็จๆ ต้องให้กำลังใจคนทุกคน วันนี้ไม่ใช่เวลาไปจับผิดจับถูกใครเก่งใครไม่เก่ง รอรับสถานการณ์ที่มันไม่น่าจะเกิดขึ้นอีกไม่ดีกว่าหรือ เข้าใจหรือยัง"

ปลื้ม "อีลอน มัสก์"ยื่นมือช่วย

พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเผยว่า ได้พูดคุยกับนายอีลอน มัสก์ นักธุรกิจผู้นำด้านเทคโนโลยีชื่อดัง และทีมงาน 5 คน ที่เสนอตัวช่วยเหลือ ส่วนตัวชื่นชมเขาตั้งแต่ที่เห็นโพสต์ข้อความแสดงความจริงใจในการช่วยเหลือ นายอีลอน มัสก์ถือเป็นคนหนุ่มที่ประสบความสำเร็จ โดยระบุว่าพร้อมจะช่วย หากทางการไทยมีความต้องการ ทั้งนี้ เขายังชื่นชมการทำงานของเราโดยเชื่อว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้ และคิดว่าอุปกรณ์ที่ได้รับจากนายอีลอน มัสก์ คือแคปซูลที่สามารถบรรจุคน เป็นประโยชน์อย่างมาก โดยเราจะนำมาทดลอง แม้จะไม่ได้ใช้ในสถานการณ์นี้ แต่ก็สามารถที่จะเก็บไว้ใช้ในสถานการณ์อื่นได้

"เราได้จับไม้จับมือพูดคุยทำความเข้าใจ ทำให้ชอบพอกัน และผมได้พูดให้ฟังว่าประเทศไทยเราได้ทำอะไรไปบ้าง เขาบอกว่าไม่เคยเห็นสถานการณ์แบบนี้ เขาพร้อมที่จะช่วยเหลือ และเครื่องมือที่เขาให้มาก็มีประโยชน์ ซึ่งผมเห็นว่าสามารถช่วยเหลือคนที่จะติดอยู่ในถ้ำหรือลำน้ำต่างๆ ซึ่งเขาเข้าใจทุกอย่าง เมื่อวานเขาก็ได้ไปดูสถานที่จริง โดยเดินเข้าไปยังห้องโถงของถ้ำ และคงเกิดความคิดมากมายที่จะผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ นอกจากนี้ ผมยังได้พูดคุยถึงโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษ การเชื่อมโยง นวัตกรรม และเขาก็สนใจ โดยบอกว่าถ้ามีเวลาก็จะบินกลับมาอีกครั้ง ผมได้บอกเขาว่า ผมรับเขาเป็นเพื่อนผม ในเมื่อเขายินดีที่จะช่วยประเทศไทย ผมก็ยินดีที่จะให้เขารู้สึกว่าประเทศไทยเป็นบ้านหลังที่สอง เขาก็ดีใจ เรายินดีต้อนรับเขา อะไรดูแลได้ก็จะดูแล ตอนนี้ประเทศไทยกำลังเตรียมการสร้างดาวเทียมของตัวเอง สอดคล้องกับที่เขามีธุรกิจสร้างดาวเทียม เราต้องมองถึงประโยชน์ในเรื่องนี้ด้วย อย่างไรก็ต้องขอบคุณเขา ที่เขามีน้ำใจ จากที่คุยกันเขาก็รักผมมาหน่อย"



เตรียมใบประกาศมอบให้ทุกคน

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีนักดำน้ำชาวต่างชาติเข้ามาช่วยในเหตุการณ์ครั้งนี้ทั้งหมดประมาณ 47 คน และการเดินทางไปเชียงรายเมื่อวานนี้ ก็ได้พบปะกับทุกคน โดยได้ไปขอบคุณ สวัสดีและกอดคอ เพื่อแสดงให้เห็นว่าทุกคนคือเพื่อนของเรา การไปครั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อไปแสดงตนเป็นพระเอก แต่ต้องการไปขอบคุณผู้ที่ทำงาน โดยได้มีโอกาสพบซีลที่ออกจากถ้ำ ผู้ว่าราชการจังหวัดและทีมงาน และคาดหวังว่าการทำงานในวันนี้จะเสร็จเรียบร้อยได้ จากที่เหลืออยู่ในถ้ำ 5 คน ซึ่งเราจะเห็นว่าการนำเด็กออกมาจากถ้ำนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ใช้เวลาหลายชั่วโมง เพราะต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์น้ำด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ความสำเร็จครั้งนี้เป็นผลมาจากความร่วมมือของทุกฝ่าย ทั้งคนไทยและต่างประเทศ และได้ทำหนังสือในนามของนายกรัฐมนตรี เพื่อขอบคุณประเทศต่างๆ ไปยังผู้นำของแต่ละประเทศแล้ว และยังทำประกาศนียบัตรมอบให้เจ้าหน้าที่ที่มาช่วยเหลือทุกคน พร้อมได้มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อำนวยความสะดวกหากผู้ที่มาช่วยเหลือครั้งนี้ต้องการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มาช่วยเหลือ ต่างไม่ต้องการอะไร ไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย เพราะทุกประเทศทั่วโลกต่างชื่นชมปฏิบัติการครั้งนี้ หลายประเทศแปลกใจ เพราะไม่คาดคิดว่าจะสามารถนำเด็กออกมาโดยผ่านเส้นทางน้ำได้ นี่คือความภาคภูมิใจของเราทุกคน นี่คือตัวอย่างการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติโดยรัฐบาล ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งนายกฯ ไม่จำเป็นต้องลงไปสั่งการเอง แต่สามารถมอบหมายให้หน่วยงาน เช่น กระทรวงมหาดไทย ที่มี กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รับผิดชอบ




ภารกิจสุดท้าย พา 13 หมูป่ากลับสู่อ้อมอก

ภารกิจสุดท้าย พา 13 หมูป่ากลับสู่อ้อมอก






logoline