ทรานลี่ ทราเวิล มีบริษัทในเครืออีก 17 แห่ง มี นายกฤชกร รุ่งมงคลนาม และนายวีระชัย คำไผ่ประพันธ์กุล คนจีนที่ปลอมบัตรประชาชนไทย จดทะเบียนบริษัทและเป็นกรรมการบริหาร
สำหรับ 13 บริษัท ที่ถูกเพิกถอนทะเบียน ได้แก่ 1. บริษัท ทรานลี่ ทราเวิล จำกัด 2. บริษัท ราชา สปา จำกัด 3. บริษัท ไท่ลี่ อิมพอร์ต จำกัด 4. บริษัท ภูเก็ต บลู เฮเว่น ไดฟ์วิ่ง เซ็นเตอร์ จำกัด 5. บริษัท เหมยลี จำกัด 6. บริษัท หยางกวง จำกัด 7. บริษัท ที.แอล.เบทเตอร์เวย์ จำกัด 8. บริษัท บลู เวฟ รีสอร์ท จำกัด 9. บริษัท อินทรี มารีน จำกัด 10. บริษัท ภูเก็ต ปิง เฟรนด์ จำกัด 11. บริษัท แมนตา มารีน จำกัด 12. บริษัท เวนิส ซีวิว จำกัด และ 13. บริษัท บลู เบย์ รีสอร์ท จำกัด ส่วนอีก 1 บริษัท คือ บริษัท สบันงา สปา จำกัด เป็นบริษัทร้างเพราะไม่ส่งงบการเงิน
ส่วนสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้าตรวจจับ ยึดเรือ รถบัส และอายัดทรัพย์สิน บริษัท ทรานลี่ ทราเวิล เมื่อวันที่ 6 ก.ค.2559
แม้จะมีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาต แต่ไม่นานก็พบว่า กลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต ได้รับจดหมายจาก นายพลากร สิริอภิวนากิจ อ้างเป็นผู้บริหาร บริษัท ทรานลี่ แจ้งแก่ห้างร้านต่างๆ ว่า มีบริษัทในเครือทรานลี่ เกิดขึ้นอีก 3 บริษัท คือ บริษัท คังจิ เอ็กซ์เพรส บริษัท ฟ้าทอแสง ทราเวล และบริษัท ฟง ยุ่น ทราเวล ขอให้ห้างร้านต่างๆ สนับสนุนเช่นที่ผ่านมา ซึ่งเรื่องนี้อาจจะเป็นการกล่าวอ้างลอยๆ ก็ได้
สำหรับนายพลากร สิริอภิวนากิจ ที่อ้างเป็นผู้บริหาร บริษัท ทรานลี่ และจากการสืบค้นข้อมูล นายพลากร มีเลขบัตรมัคคุเทศก์ ที่ 3801078
ทว่า หลังจากยึดอายัดทรัพย์บริษัท ทรานลี่ ทราเวล แล้วนำทรัพย์นั้น ออกมาขายทอดตลาด ปรากฎว่า มีกลุ่มทนายความ มาประมูล ซึ่งผิดวิสัยที่นักกฎหมายจะมาประมูลรถบัส ประมูลเรือ ในราคาสูงลิบลิ่ว จนคู่แข่งสู้ราคาไม่ได้ จากกรณีนี้ ประเมินได้ว่า มีคนต้องการรถบัส และเรือเหล่านี้ เนื่องจากนำไปใช้งานได้ทันที แล้วใครต้องการรถ และเรือจำนวนมาก ถ้าไม่ใช่บริษัททัวร์ที่มีลูกค้ารออยู่แล้ว และลูกค้าจำนวนมากนั้นก็เป็นคนจีน
จากปรากฎการณ์นี้เอง ทำให้คนภูเก็ตต่างพูดกันว่า การจับบริษัททรานลี่ และบริษัทในเครือ มิได้ถอนรากถอนโคนทัวร์ศูนย์เหรียญให้หมดไปจากประเทศไทย