25 มิ.ย.2561 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในโลกออนไลน์มีการแชร์สเตตัสพร้อมภาพถ่าย ของสมาชิกเฟซบุ๊ครายหนึ่งชื่อ Piyavit Srisanyong ซึ่งโพสต์ไว้ตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2559 ระบุว่า
"วันนี้ขณะที่กำลังกลุ้มใจในปัญหาหลายๆเรื่อง อยากซื้อปลาไปปล่อยทำบุญ พอดีไปเห็นแม่ค้ากำลังจะฆ่าปลาดุกตัวนึงใหญ่มาก น่าจะเป็นตัวเมีย เพราะเห็นท้องเป่งๆมีไข่จุกอยู่ตรงท้อง เดชะบุญ! คงเป็นเพราะปลาตัวนั้นไม่ถึงคราวตาย ขณะที่แม้ค้ากำลังจะฟันคอปลาดุก ขณะที่ยืนดูปลาอยู่ด้วยความสงสาร ลูกค้าคนที่ซื้อปลาก็ร้องบอกแม่ค้าว่า อย่าเพิ่งป้า! ตังหนูหล่นหายไปไหนไม่รู้. ผมก็เลยรีบขอซื้อปลาตัวนั้นเพื่อจะนำไปปล่อย
ขับรถจากในเมืองมาจนถึงอำเภอแม่จัน เพื่อจะนำปลาไปปล่อยในแม่น้ำจัน จู่ๆก็เกิดไม่สบายใจไม่อยากปล่อยปลาตรงนั้น เพราะเห็นคนตกปลาอยู่ จึงขับเลยมาถึงบ้านแม่คำ เพื่อจะไปปล่อยปลาที่แม่น้ำคำ พอไปถึงแม่น้ำคำก็ตื้นเขินมาก กลัวปลาจะไม่รอด ก็เลยตัดสินใจ ขับรถไปเชียงแสนเพื่อจะเอาปลาไปปล่อยที่แม่น้ำโขง
ระหว่างที่ขับรถอยู่นั้นก็ไม่รู้เป็นอะไร ขับรถไปเรื่อยๆเกือบ 60กิโลเมตร จู่ๆภาพนึงก็ปรากฏในหัวเป็นถ้ำใหญ่ ซึ่งอยู่ติดชายแดนพม่าถ้ำนี้คือถ้ำหลวงเคยไปมาแล้ว แต่วันนี้ไม่กล้าเข้าไปเพราะเย็นมากแล้ว เพราะเคยได้ฟังเรื่องราวอาถรรพ์ ของที่นี่ แล้วก็มีคนตายทีนี่ถึง 7 คน
พยายามจะไม่คิดถึงที่นี่แต่ในที่สุดก็ทนไม่ไหว เลยต้องเลี้ยวรถกลับไป ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลา 6 โมงเย็น ใจนึงก็กลัว แต่ไม่รู้ทำไมอยากไปที่นั่น ระหว่างที่ขับรถไปมีอาการเหมือนจะเป็นจิตประสาท. เหมือนมีอะไรมาคุยกับเราแล้วบอกว่า เอาไข่ไก่ กับ ดอกไม้ ไปด้วยนะ ท่านรออยู่ ...ใครล่ะ! ใครที่รอเรา?
ขับรถไปร้านค้าก็ปิดเกือบหมดแล้วเพราะต้องเข้าไปในหุบเขาโชคดีมีร้านนึงเปิดอยู่ ก็เลยไปขอซื้อไข่ 5 ฟองแล้วก็ธูปเทียน พี่เจ้าของร้านถามว่า "แล้วดอกไม้มีรึยัง" ผมบอกว่า "ไม่มีครับ" แกก็เลยไปเก็บดอกไม้มาให้ แล้วก็ถามว่า "จะเอาไปไห้วอะไร?" ผมตอบว่า "จะเอาเข้าไปในถ้ำครับ" แกมองหน้าเหมือนจะรู้อะไร แล้วก็เดินไปหยิบกระดาษมาพับเป็นกระทงเอาไข่ใส่ เอาดอกไม้ใส่ มายื่นให้แล้วบอกว่า "รีบไปนะ เดี๋ยวจะค่ำ มันอันตราย"
พอมาถึงบริเวณปากทางเข้าถ้ำ บรรยากาศวังเวง และเงียบมาก ใจนึงก็กลัวแต่อีกใจก็บอกให้เข้าไป ไหนๆก็มาถึงที่แล้วก็ต้องเข้าไปล่ะทีนี้
เดินเข้ามาถึงปากถ้ำด้านใน เอาดอกไม้กับไข่วางที่หน้าถ้ำแล้วจุดธูปบอกท่านว่าวันนี้ลูกมีความทุกข์ใจหลายเรื่องเหลือเกิน. ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว. ก็เลยมาไห้วสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นี่เพื่อขอพรขอให้มีสติปัญญา. แก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้
แล้วจู่ๆ ความรู้สึกก็บอกว่าให้เดินเข้าไปข้างใน ตอนนี้กลัวมาก แต่มาถึงนี่แล้วก็เข้าไปซักหน่อย ข้างในมืดมากมีเพียงแค่ไฟฉายจากโทรศัพท์ดวงเดียว
เดินลึกเข้าไปเรื่อยๆจนรู้สึกหายใจลำบากเพราะอากาศเริ่มน้อยลงจึงหยุดเดินแล้วยกมือไห้ว จู่ๆก็มีลมจากโพรงถ้ำออกมาโดนตัว จนรู้สึกหนาว จึงรีบเดินออกมา
ระหว่างนั้นเหมือนมีอะไรเลื้อยอยู่ที่พื้นเสียงดัง "ครึดๆ" ทั้งข้างหน้าข้างหลังตลอดเวลา ตอนนี้กลัวมากแต่ก็บอกท่านว่า "ผมจะกลับแล้วคุ้มครองผมด้วยนะครับ"
พอออกมาจนจะถึงโถงด้านหน้าของถ้ำก็เอาโทรศัพท์มาถ่ายรูป จู่ๆก็มีแสงวิ่งเป็นเส้นยาวๆผ่านหน้าแล้วโทรศัพท์ก็ดับไปเป็นอะไรที่ตื่นเต้นมากเพราะไม่นึกว่าจะใช่ เพราะเห็นด้วยตาเนื้อแต่ก็ไม่คิดเข้าข้างตัวเอง และไม่ขอสรุปให้เพื่อนๆดูจากภาพก็แล้วกันนะครับ
บางภาพที่เอามาให้ดูเป็นภาพที่ถ่ายด้วยตัวเอง
การเล่าประสบการณ์ในครั้งนี้ไม่ได้ต้องการให้ใครเชื่อ แต่อยากให้ใช้วิจารณญาณในการอ่านและพิจารณาดูจากภาพถ่ายนะครับ
เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านวันนี้อนุโมทนาบุญร่วมกัน ในการทำบุญช่วยชีวิตแม่ปลาตัวนี้นะครับ สาธุครับ
ด้านนายอนุกูล สอนเอก นักภูมิศาสตร์สำรวจถ้ำ บอกว่ากลุ่มเด็กนักเรียนและโค้ชฟุตบอลที่ติดอยู่ในถ้ำเขาหลวง จังหวัดเชียงราย มีโอกาสรอดสูง เนื่องจากภายในถ้ำมีพื้นที่ราบสูง และเชื่อว่ากลุ่มเด็กต้องขึ้นไปอยู่จุดที่สูงที่สุด เพื่อเอาตัวรอด ขณะเดียวกันพบข้อมูลล่าสุดว่า กลุ่มเด็กได้อยู่ในจุดที่ลึกสุด คือจุดสำรวจถ้ำ ไม่ใช่จุดดที่นักท่องเที่ยวเดินเข้าไปเที่ยว ซึ่งหลังเกิดเหตุการณ์นี้อยากเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่อุทยานปิดจุดสำรวจถ้ำ เนื่องจากในถ้ำแห่งนี้เคยมีคนติดอยู่แล้วไม่สามารถออกมาได้หลายครั้ง