นักภูมิศาสตร์คาดเด็กอาจอยู่ลึกกว่าจุดที่เคยสำรวจไว้

นายอนุกูล สอนเอก นักภูมิศาสตร์ ที่เคยสำรวจถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน ในวนอุทยานขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย เปิดเผยว่า ได้เคยเข้าสำรวจถ้ำ เมื่อปี 2549-2550 โดยเข้าสำรวจถ้ำความลึกประมาณ 6 กม. หลาย หลาย section มีเพดานต่ำ ช่วงฤดูฝนตั้งแต่เดือนมิถุนายนกลางเดือนเป็นต้นไป น้ำจะท่วมทุกปีบางส่วนน้ำจะท่วมจนมิดเพดานเป็นระยะทางยาวนับ 100 เมตร

สำหรับข้อมูลที่โพสต์ลงในเฟซบุ๊ก ส่วนตัว Anukoon Sorn-ek ระบุข้อมูลสำคัญสำหรับทีมค้นหาและช่วยเหลือเด็กสูญหายในถ้ำ เนื่องจาก ถ้ำนางนอนหลวงเป็นถ้ำที่มีทางเข้าออกทางเดียว ระบบระบายอากาศไม่ดี ถ้าจะใช้วิธีการสูบน้ำออกควรตั้งเครื่องสูบน้ำไว้ด้านนอก เพื่อไม่ให้ปริมาณออกซิเจนภายในถ้ำที่มีน้อยอยู่แล้วลดต่ำลงไปอีก ซึ่งอาจเกิดอันตรายกับเด็กที่อยู่ในถ้ำ ส่วนตำแหน่งเด็กที่อยู่ในถ้ำน่าจะอยู่ลึกไปมากกว่าจุดที่ได้วงกลมสีแดงไว้ในเฟซบุ๊กในครั้งแรก เนื่องจากช่วงปี 2559 ได้มีการสำรวจถ้ำเพิ่มเติมลึกเข้าไปอีก 4 กม. จากเดิมที่สำรวจไว้แล้ว 6 กม. ซึ่งการสำรวจล่าสุดเมื่อปี 2559 ตนเองไม่ได้เข้าไปสำรวจด้วย จึงไม่ทราบรายละเอียดของส่วนที่ลึกเข้าไป ดังนั้นผู้ที่มีความชำนาญเส้นทางในถ้ำมากที่สุดในขณะนี้คือ Mr.Vern Unsworth ผู้เชี่ยวชาญเส้นทางในถ้ำนางนอนหลวงที่พาทีมออกค้นหาผู้ติดอยู่ในถ้ำขณะนี้

ส่วนข้อมูลอื่นที่อาจจะเป็นประโยชน์คาดว่าเด็กกลุ่มนี้น่าจะเดินลึกเข้าไป ในส่วนด้านในที่เป็นเส้นทางเข้า Monks series ซึ่งเป็นเส้นทางแคบและซับซ้อน คิดว่าคนทั่วไปที่ไม่เคยเข้าไปในถ้ำจะหาเส้นทางเดินได้ยาก เท่าที่ติดตามข่าวพบว่าเด็กถอดรองเท้าและวางกระเป๋าทิ้งไว้ แสดงว่าพื้นถ้ำมีน้ำท่วม และมีโคลนเป็นจำนวนมาก ประกอบกับพื้นที่ด้านในมือไม่มีไฟส่องสว่างทำให้หาทางออกไม่เจอ และเดินลึกเข้าไปด้านใน แต่เชื่อว่าทุกคนปลอดภัย เนื่องจากแม้จะมีน้ำท่วมในถ้ำแต่ยังมีออกซิเจนอยู่ สำหรับข้อมูลที่นักดำน้ำที่จะเข้าไปช่วยเหลือนั้น จุดที่อันตรายที่สุด จะเป็น ส่วนรก ซึ่งเป็นจุดที่ต้องดำน้ำมุดเข้าไปมีแรงดันน้ำผ่านออกมาจากช่องทางนี้ เป็นจุดที่แคบ แต่เมื่อผ่านไปได้ เส้นทางด้านในจะกว้างขึ้น สามารถเดินได้ ส่วนตัวเชื่อว่าทุกคนยังมีชีวิตอยู่ แต่อาจจะเกิดการอ่อนเพลียบ้าง เนื่องจากไม่มีน้ำและอาหาร