svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

ความเสี่ยงที่จีนจะลดค่าเงินหยวนมีมากขึ้น จากแรงกดดันของสงครามการค้าสหรัฐและจีนที่เริ่มต้นขึ้นแล้ว

20 มิถุนายน 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ความเสี่ยงที่จีนจะลดค่าเงินหยวนมีมากขึ้น จากแรงกดดันของสงครามการค้าสหรัฐและจีนที่เริ่มต้นขึ้นแล้ว ซึ่งต่างฝ่ายตอบโต้กันโดยงัดมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าส่งผลกระทบบรรยากาศการค้าโลกซบเซาลง ขณะเดียวกันกดดันเงินหยวนอ่อนค่าลงแตะ 6.4586 หยวนต่อดอลลาร์ ขณะที่ Offshore yuan อยู่ที่ 6.4772 หยวน

อย่างไรก็ตาม เงินหยวนเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์มีการปรับตัวอ่อนค่าลง 2% นับจากกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่หากเทียบกับสกุลเงินเอเชียในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ที่อ่อนค่าลงถึง 5% 


1.   ความเสี่ยงที่จีนจะลดค่าเงินหยวนมีมากขึ้น จากแรงกดดันของสงครามการค้าสหรัฐและจีน โดยต่างฝ่ายตอบโต้กันโดยใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าส่งผลกระทบบรรยากาศการค้าโลกซบเซาลง ขณะเดียวกันกดดันเงินหยวนอ่อนค่าลงแตะ 6.4586 หยวนต่อดอลลาร์ ขณะที่ Offshore yuan อยู่ที่ 6.4772 หยวน ช่วงเช้าวันพุธ


ท่ามกลางการเข้าแทรกแซงเพื่อปกป้องค่าเงินหยวนขอธนาคารกลางจีน ที่พยายามดูแลเงินหยวนให้ปรับตัวขึ้นและลงได้ไม่เกิน 2% จากอัตราค่ากลางของการซื้อขายในแต่ละวัน


2.   อย่างไรก็ตาม โดยข้อเท็จจริงรับตั้งแต่เกิดปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ค่าเงินหยวนได้เคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามจากแนวโน้มที่ปรับจัวแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง มาเป็นการอ่อนค่าลงเรื่อยนับจากกลางเดือนเมษายนนั้น เงินหยวนเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์มีการปรับตัวอ่อนค่าลง 2% เท่านั้น 


แต่หากเทียบกับสกุลเงินเอเชียในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ที่อ่อนค่าลงถึง 5% หรืออ่อนตัวมากกว่าสำหรับบางสกุลเงิน โดยมาจากแรงขายของนักลงทุน และเป็นผลกระทบมาจากการไหลออกของเงินทุนต่างชาติ 


นอกจากนี้ ผลสะท้อนยังได้เกิดขึ้นกับสกุลเงินของประเทศในกลุ่มลาตินอเมริกาที่มีค่าเงินอ่อนตัวลงอย่างรุนแรง ตัวอย่างเช่น เปโซของอาร์เจนตินา เปโซของเม็กซิโก เงินเรียลของบราซิล และเงินลีร์ (Lira) ของตุรกี 


3.   ทั้งนี้ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ตลาดเงินในประเทศวงเงิน 200,000 ล้านหยวน เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงิน หลังจากเกิดการถล่มขายหุ้นของจีน โดยเฉพาะดัชนีหุ้นเซี่ยงไฮ้ คอมโพสิต ร่วงลง 3.82% และดัชนีหุ้นเสิ่นเจิ้นดิ่งลง 5.7% รวมถึงดัชนีหั่งเส็ง ฮ่องกง ที่ร่วงลง 2.78%


เนื่องจากความวิตกกังวลของนักลงทุนต่อเรื่องสครามการค้าจีนกับสหรัฐที่มีการประกาศมาตรการตอบโต้ทางการค้าที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น หลังจากที่ประธานาบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการให้ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ให้ขยายเป็นมูลค่าที่เรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นอีก 200,000 ล้านดอลลาร์ที่อัตราภาษี 10% 


รวมกับที่เคยประกาศไว้ครั้งแรก 50,000 ล้านดอลลาร์และครั้งที่สองจำนวน 150,000 ล้านดอลลาร์  และอาจจะเพิ่มขึ้นถึง 450,000 ล้านดอลลาร์ หากว่าทางการจีนยังคงเรีกเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐเพิ่มขึ้น โดยจะเก็บล็อตแรกที่อัตราภาษี 25% มูลค่า 34,000 ล้านดอลลาร์จาก 818 รายการสินค้าที่มีผลบังคับใช้ในสันที่ 6กรกฎาคมนี้ 


ส่วนรัฐบาลจีนได้ตอบโต้เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ 659 รายการ ในอัตรา 25% คิดเป็นมูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์ โดยจะมีผลบังคับใช้กับสินค้านำเข้าจากสหรัฐล็อตแรก 545 รายการ เป็นมูลค่า 34,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสินค้าด้านการเกษตร ยานยนต์ และสินค้าทางทะเล จะเริ่มมีผลวันที่ 6 กรกฎาคมเช่นเดียวกัน


4.   ล่าสุดนี้ จีนเตรียมประกาศมาตรการผ่อนคลายข้อจำกัดการลงทุนจากต่างประเทศฉบับใหม่ในเร็วๆ นี้ โดยจะยกเลิกหรือผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการบริหารจัดการพลังงาน ด้านทรัพยากร ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการคมนาคม รวมทั้งการหมุนเวียนด้านการค้า และการให้บริการในระดับที่เป็นมืออาชีพ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการเปิดเสรีในภาคการเงินและยานยนต์


ทั้งนี้ ชักษณะของการผ่อนคลายมาตรการดังกล่าว จะดำเนินการโดยแบ่งออกเป็นส่วนแรกที่จะมีผลบังคับใช้ทั่วประเทศ และส่วนที่สอง จะเป็นการบังคับใช้ในเขตการค้าเสรีนำร่อง รวมทั้งจะมีการดำเนินการเพิ่มขึ้นในอีก 2-3 ปีข้างหน้า และจะมีช่วงระยะเวลาของการเปลี่ยนผ่านสำหรับอุตสาหกรรมบางประเภท


5.  โดยรัฐบาลจีนได้นำมาตรการต่างๆ มาใช้ เพื่อเพิ่มโอกาสให้บริษัทของจีนในการเข้าถึงตลาดได้มากยิ่งขึ้นนับตั้งแต่ต้นปี 2018 เป็นต้นไป โดยที่ปีนี้เป็นปีที่ครบรอบ 40 ปีของการปฏิรูปและเปิดประเทศ ซึ่งคาดว่าจะประกาศมาตรการทั้งหมดก่อนถึงวันที่ 1 กรกฎาคม 


นโยบายเปิดเสรีการลงทุนจากต่างประเทศของจีน อาจเป็นการตอกย้ำถุงนโยบายที่ต้องการให้เงินหยวนมีทิศทางที่แข็งค่ามากกว่าการอ่อนค่า ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ของจีนที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2013 โดยเริ่มตั้งแต่การสะสมเงินทุนสำรองระหว่างประเทศให้มีความมั่นคง ด้วยการนำไปลงทุนในบอนด์รัฐบาลสหรัฐวงเงินมากถึง 1.2 ล้านล้านดอลลาร์


นอกจากนี้ จีนยังมีฐานะดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุลอย่างต่อเนื่อง เท่ากับเป็นการสนับสนุนให้เงินหยวนยังคงมีเสถียรภาพ ถึงแม้ว่าฐานะทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนอาจจจะลดลงจากที่เคยสูงถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์ มาอยู่ที่ระดับ 3 ล้านล้านดอลลาร์ก็ตาม

logoline