ทรัมป์ออกโรงขู่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่อีกในอัตรา 10% เป็นมูลค่า 200,000 ล้าน
ทรัมป์ออกโรงขู่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่อีกในอัตรา 10% เป็นมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์ ระบุหากรัฐบาลจีนยังเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเพิ่มขึ้นอีก ก็จะตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าสูงถึง 450,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ดาวโจนส์ล่วงหน้าเปิดเทรดวันนี้ ดิ่งลงกว่า 411 จุดหรือ 1.64% สู่ระดับ 24,695 สะท้อนภาพตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปิดร่วงลงในคืนวันจันทร์ เนื่องจากความกังวลที่ว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่รุนแรงมากขึ้น
1.ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยถึงการที่ขอให้ผู้แทนการค้าสหรัฐตรวจสอบรายการสินค้าจีนที่ควรถูกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติม โดยล่าสุดขู่ที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่ในอัตรา 10% เป็นมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์
พร้อมกับระบุหากรัฐบาลจีนยังเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเพิ่มขึ้นอีก ก็จะตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าสูงถึง 450,000 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ย้ำว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้ารอบใหม่ หากรัฐบาลจีนยังคงยืนกรานที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐตามที่เคยประกาศไว้เมื่อไม่นานมานี้
การเคลื่อนไหวของผู้นำสหรัฐยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง หลังจากได้อนุมัติให้การเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในอัตรา 25% มูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์ โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ได้ประกาศว่าจะจัดเก็บจากบัญชีรายชื่อสินค้ารวม 1,100 รายการ แต่จะดำเนินการในล็อตแรกจำนวน 818 รายการ คิดเป็นมูลค่า 34,000 ล้านดอลลาร์ มีผลบังคับใช้ในวันที่ 6 กรกฎาคมนี้ ส่วนที่เหลืออยู่ในระหว่างการพิจารณา2.ทางด้านรัฐสภาจีนได้เห็นชอบให้เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐจำนวน 659 รายการ ในอัตรา 25% คิดเป็นมูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์ โดยจะมีผลบังคับใช้กับสินค้านำเข้าจากสหรัฐล็อตแรก 545 รายการ คิดเป็นมูลค่า 34,000 ล้านดอลลาร์ เป็นสินค้าด้านการเกษตร ยานยนต์ และสินค้าทางทะเล จะเริ่มมีผลวันที่ 6 กรกฎาคม ส่วนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าที่เหลือจะมีการประกาศหลังจากนั้น
ทั้งนี้ รัฐสภาจีนได้ระบุในแถลงการณ์ว่า การตัดสินใจครั้งนี้สอดคล้องกับหลักการพื้นฐานของกฎหมายการค้าต่างประเทศ และกฎระเบียบว่าด้วยภาษีนำเข้า-ส่งออกของจีน อย่างไรก็ตาม คดว่าการเคลื่อนไหวของจีนมีเป็นการตอบโต้หลังจากสหรัฐประกาศบัญชีรายการสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะถูกเรียกเก็บภาษี 25% โดยที่สหรัฐกล่าวหาจีนดำเนินการมิชอบต่อทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐ
3. สำหรับตัวเลขขาดดุลทางการค้าของสหรัฐกับจีนในปีที่แล้ว จากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า มีการขาดดุลจำนวน 375,000 ล้านดอลลาร์ แต่เนื่องจากมีการเกินดุลบริการกับจีน ทำให้ยอดขาดดุลการค้าอยู่ที่ระดับ 325,000 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ จีนถือเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เนื่องจากสหรัฐเป็นประเทศที่เป็นผู้บริโภครายใหญ่ของโลกแห่งหนึ่งนั้น มีการซื้อสินค้าจากจีนเป็นมูลค่า 505,470 ล้านดอลลาร์ขณะที่จีนมีการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเพียง 129,800 ล้านดอลลาร์
4. นอกจากนี้ มีรายงานของนิวยอร์ก ไทม์ส ระบุว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้บอกกล่าวต่อทิม คุก ซีอีโอของแอปเปิล อิงค์ เกี่ยวกับการที่ทางการสหรัฐจะไม่เรียกเก็บภาษีนำเข้าชิ้นส่วนและอุปกรณ์ iPhone ที่ผลิตและประกอบในจีน
โดยเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทิม คุก ได้เดินทางไปยังทำเนียบขาว เพื่อรายงานต่อประธานาธิบดีทรัมป์ถึงผลกระทบของนโยบายตั้งกำแพงภาษีการค้าที่มีต่อการดำเนินงานของแอปเปิล อิงค์ ในจีน
5. ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้า หรือ Dow Futures เปิดเทรดวันอังคารดิ่งลงกว่า 411 จุดหรือ 1.64% สู่ระดับ 24,695 สะท้อนภาพตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปิดร่วงลงในคืนวันจันทร์ เนื่องจากความกังวลที่ว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่รุนแรงมากขึ้น
ขณะที่ S&P500 ในตลาดล่วงหน้าร่วงลง 1.42% สู่ระดับ 2,740 และ Nasdaq ร่วงลง 1.38% สู่ระดับ 7,174