ผวาล้มทับถังประปาทรุดเอียงขอให้รื้อก่อนจะเกิดอันตราย

ชาวบ้านบ้านหนองเรือ ม.6 ต.ถลุงเหล็ก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้ามาตรวจสอบและหาแนวทางแก้ไข กรณีแทงค์น้ำประปาหมู่บ้านมีสภาพทรุดเอียง มานานนับ 10 ปี สร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้านที่มีบ้านใกล้เคียงและผู้ที่สัญจรไปมาถนนดังกล่าว เพราะเกรงว่าถังน้ำประปาดังกล่าว จะล้มทับได้รับอันตราย

โดยเฉพาะช่วงนี้เป็นช่วงหน้าฝนและมีลมกระโชกแรง ซึ่งสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้แทงค์ประปาดังกล่าวล้มได้ ที่ผ่านมาชาวบ้านเคยร้องเรียนให้มีการทุบรื้อแทงค์ประปาดังกล่าวออกหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีการดำเนินการแก้ไขอย่างจริงจัง ซึ่งทาง อบต.เคยตั้งงบประมาณมาดำเนินการซ่อมแซมถึงกว่า 700,000 บาท แต่ก็ใช้งานได้เพียง 3 เดือนก็กลับมาทรุดเอียงเหมือนเดิม ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณโดยเปล่าประโยชน์ ต่อมาทาง อบต.ได้ตั้งงบเพื่อสร้างถังประปาสำรองแทงค์ประปาที่เกิดปัญหาแล้ว ทำให้แทงค์ประปาดังกล่าวไม่ได้ใช้งานมานานแล้วหลายปีนี้ กลับปล่อยให้อยู่ในสภาพที่ทรุดเอียงมาตลอด จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบและหาแนวทางแก้ไข ก่อนที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น หากเป็นไปได้ก็อยากให้ทำการรื้อถอนออก เพราะปัจจุบันก็ไม่สามารถใช้การได้อยู่แล้ว 

พ.อ.จะเด็ด นวลมณี รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดบุรีรัมย์ ก็ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบแทงค์น้ำประปาหมู่บ้านหนองเรือ ตามที่ได้รับทราบข้อมูล ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจสอบก็พบว่าแทงค์น้ำประปาหมู่บ้านอยู่ในสภาพเอนเอียงจริง สร้างความหวาดเสียวให้กับชาวบ้าน และจากการสอบถามข้อมูลจากผู้นำชุมชน และชาวบ้าน ทราบว่าเป็นปัญหามาหลายปีแล้ว จึงได้ให้คำแนะนำแก่ผู้นำท้องถิ่น ที่รับผิดชอบดูแลแทงค์น้ำดังกล่าวว่า เบื้องต้นต้องทำแนวเขต ป้ายเตือนพื้นที่อันตราย เขตห้ามเข้า เพื่อไม่ให้ประชาชน หรือผู้ที่หาปลาบริเวณสระน้ำเข้าไปในพื้นที่ 

ในส่วนของการแก้ไขปัญหาระยะยาว ท้องถิ่นต้องไปดูระเบียบข้อกฎหมายว่าหากหมดความจำเป็น จะรื้อถอนได้หรือไม่ โดยการทำประชาคมหมู่บ้าน และใช้กลไกลของท้องถิ่นตามอำนาจหน้าที่ดำเนินการ เพราะถึงอย่างไรก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์แล้ว

ด้านนายสมบูรณ์ เรืองศรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลถลุงเหล็ก กล่าวว่า แทงค์ประปาแห่งนี้เคยได้รับการซ่อมแซมมาแล้ว 1 ครั้ง ตั้งตรงได้ประมาณปีกว่าๆ ก็กลับไปทรุดเอียงอีก ซึ่งได้แจ้งผู้รับเหมาให้มาซ่อมแซมก็ไม่มาดำเนินการ และทิ้งเงินประกันประมาณ 30,000 บาท ซึ่งที่ผ่านมาก็มีแนวคิดว่าจะรื้อถอนแต่ไม่มั่นใจว่าจะผิดระเบียบกฎหมายหรือไม่ ไม่มีแนวทางที่ชัดเจน หากไม่ติดข้อกฎหมายก็จะทำรื้อถอนโดยเร็วที่สุด เพราะชาวบ้านก็อยากให้รื้อเช่นกัน ในวันที่ 20 มิถุนายนนี้ จะมีการประชุมสภาฯ ก็จะนำเรื่องนี้ เข้าชี้แจงต่อที่ประชุม และจะขอความเห็นในที่ประชุมในการดำเนินการรื้อถอนด้วย เพื่อความปลอดภัยและความสบายใจของชาวบ้าน