เปิด "บ้านนราศิลป์" แหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมชุมชน

"บ้านนราศิลป์"  เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้วัฒนธรรมจากชุมชนนางเลิ้ง เต็มไปด้วยบรรยากาศของประวัติศาสตร์ที่เล่าที่มาของชุมชนแห่งนี้ในรูปแบบต่างๆ ทั้งในเรื่องของแหล่งเรียนรู้เรื่องของนาฏศิลป์ การปักเครื่องโขน ซึ่งเป็นอาชีพที่หายาก และคิดว่าการทำเครื่องโขน ศรีษะโขน เครื่องแต่งกายโขน ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เป็นมรดกโลกที่ควรสืบสานไว้

และวันนี้ (14 มิ.ย.) ทางกรมส่งเสริมวัฒนธรรมนำเปิด "บ้านนราศิลป์" แหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมประวัติศาสตร์ของชุมชน โดยได้รับเกียรติจาก นางพิมพ์รวี วัฒนวรากูร อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กล่าวเปิดงาน และ เล่าถึงวัตถุประสงค์ของจัดตั้งโครงการนี้
นางพิมพ์รวี กล่าวว่า "บ้านนราศิลป์ เป็นแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมของชุมชน ที่ตรงกับนิยามของกรมส่งเสริมวัฒนธรรม  มุ่งเน้นการถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจให้กับคนในท้องถิ่น  เป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องของนาฏศิลป์ การปักเครื่องโขน ซึ่งเป็นอาชีพที่หายาก และคิดว่าการทำเครื่องโขน ศรีษะโขน เครื่องแต่งกายโขน เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เป็นมรดกโลกสืบต่อไป และปีนี้กระทรวงวัฒนธรรมก็ได้เสนอโขนให้เป็นมรดกโลก คาดว่าเดือนธันวาคม คงจะได้พิจารณาจากยูเนสโก้ ก่อนกล่าวทิ้งท้ายว่า อยากให้คนรุ่นใหม่ที่สนใจได้มาเรียนรู้ ให้เด็กนักเรียนทั่วประเทศได้มาดูการปักชุด ทำศรีษะโขน มาซึมซับ รักและหวงแหนศิลปะวัฒนธรรมให้อยู่คู่ประเทศชาติต่อไป" 

ส่วนทางด้าน สุประวัติ ปัทมสูต ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง 2553 ผู้ร่วมงานครั้งนี้กล่าวว่า "นานๆที จะได้มางานที่เป็นเหมือนสายเลือดของเรา ถนนหลานหลวงเป็นถนนสายสำคัญที่รวมเอาผู้คน ครูบาอาจารย์ที่มีเอกลักษณ์และมีฝีมือเป็นครูที่สั่งสอนในเรื่องของเอกลักษณ์วัฒนธรรมมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 และ 7 มาไว้ ส่วนตัวมีความผูกพันธุ์กับบ้าน นราศิลป์ กับชุมชนย่านนี้ เวลาผ่านมาทีไรก็คิดถึงตอนเด็กๆ ที่เราอยากจะทำความรู้จักกับคนที่นี้ และที่นี้เป็นเหมือนต้นแบบทานชีวิตของสุประวัติที่หันเหจากการรับราชการ มาเป็นทรัพยากรธรณี มาเป็นศิลปะไทย จนกระทั่งมีความสุขความเจริญอย่างพอแก่อรรถภาพ ตนรู้สึกขอบคุณ นราศิลป์ ที่พยายามรักษามรดกไทยตรงนี้ไว้ ให้เด็กรุ่นใหม่ ได้มาศึกษาเรียนรู้ สร้างอาชีพ และมั่นใจว่าเด็กที่มาเรียนรู้ที่นี่ไม่มีทางตกงาน"

โดย พินิจ  สุทธิเนตร ผู้จัดการบ้านนราศิลป์ กล่าวว่า  "รู้สึกดีใจที่ผลงานได้กระจายสู่สายตาคนนอก และมีเด็กๆให้ความสนใจมาเรียนรู้ภายใต้การสนับสนุนของโครงการ มีกลุ่มคนที่สนใจอายุตั้งแต่ 11-70 ปี ซึ่งอย่างน้อยๆตอนนี้เราก็มีแม่พันธุ์ที่ดีอีก 50 คน เราอยากได้เยาวชนเพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งย้ำอีกว่า ศิลปะแขนงนี้ถ้าตั้งใจทำจริงๆ รับรองว่าไม่ตกงาน เพราะมีคนทำน้อย แต่ความต้องการมาก ดังนั้นจะมีงานเข้ามาตลอด ขอแค่ฝีมือดี"

นายยุทธนา ป่าไม้ ผู้อำนวยการเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เผยถึงนโยบายการส่งเสริมว่า" ทางเขตกำลังดำเนินการให้ถนนหลานหลวงเป็นถนนในฝัน คำว่าในฝัน คือเรื่องของความสะอาดในทุกๆเรื่องที่เรามอง หนึ่งในนั้นคือ วัฒนธรรม เราจะทำการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม และบ้านนราศิลป์เอง ก็เป็นจุดหนึ่งที่อนุรักษ์ความเป็นไทย การโขนต่างๆ เพราะคนไทยสมัยก่อนค่อนข้างหวงวิชา แต่ที่นี่เราคุยกันแล้วและคิดว่าต้องมีการส่งเสริมให้แพร่กระจายไป เพื่ออนุรักษ์สิ่งดีๆไว้ และเราก็รู้สึกดีใจกับทางนี้ที่ได้รับเลือก ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาควรได้จากความพยายาม ความมานะ แล้ววันนี้มีหน่วยงานต่างๆเข้ามาสนใจ ก็จะเก็บเอาความสนใจนั้นๆมาต่อเป็นจิ๊กซอ ช่วยในเรื่องของงบประมาณการสนับสนุน ด้านการประชาสัมพันธ์จัดหาคนเข้ามาเรียน วันนี้เราก็จะทำการสำรวจ ให้การดูแลนักเรียนในเรื่องของวิชาชีพ และผมจะไม่หยุดแค่นี้เพราะผมทำมาตลอดและก็จะทำต่อไป"

และสำหรับเยาวชนรุ่งใหม่ น้องมายมิ้น ด.ญ อรวรรยา สิงหรา ณ อยุธยา อายุ 11 ปี นักเรียนชั้นป.6 โรงเรียนพิชัยพัฒนา ที่ร่วมฝึกปักผ้าฯ กับกิจกรรมของทาง "บ้านนราศิลป์" ให้สัมภาษณ์ถึงการมาร่วมกิจกรรมว่า "เพราะคุณแม่ชักชวนให้มาเรียน พอได้มาเห็นก็เลยอยากเรียน รู้สึกชอบและสนุก อนาคตอยากชวนเพื่อนๆมาทำ และอยากจะสืบสานการปักผ้านี้ต่อไปเรื่อยๆ"
ซึ่งปัจจุบัน "บ้านนราศิลป์" นอกจากจะรับงานนาฎศิลป์และรับปักเครื่องโขน เครื่องละครแล้ว ยังเปิดบ้านเป็นศูนย์เรียนรู้ให้กับประชาชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ได้เข้ามาเยี่ยมชม สาธิตการการปักเครื่องโขน เครื่องละคร และให้ชมหัวโขน 
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถมาเยี่ยมชม "บ้านนราศิลป์" ได้ที่บ้านเลขที่ 173 ถนนหลานหลวง แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร หรือสอบถามได้ที่ คุณพินิจ สุทธิเนตร หรือโทร 083-9990637,  099-1495254