หลังทราบคำตัดสิน พระคนาสาระ ร้องขอแถลงเพราะไม่เห็นด้วยกับคำตัดสิน แต่ศาลไม่อนุญาต และก่อนขึ้นรถเรือนจำออกไป ได้พูดกับนักข่าวว่า ทำหน้าที่ต่อประเทศ ทำไมต้องเสียใจ
ความผิดฐานข่มขู่ของพระรูปนี้ เกิดขึ้นเมื่อเดือนมกราคม 2559 ขณะที่ศาลแห่งเดียวกันนี้ กำลังไต่สวนคดีลักพาตัวผู้สื่อข่าวที่สูญหายไปเมื่อเดือนมกราคม 2553 พระคนาสาระเดินทางไปที่ศาลในวันนั้น เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่กองทัพที่ตกเป็นจำเลย
เมื่อเจ้าหน้าที่ทหารไม่ได้รับอนุญาตประกันตัว จึงตะโกนใส่ผู้พิพากษาและทนายด้วยความไม่พอใจ ทั้งยังพูดข่มขู่ภรรยาของนายประกิต และกล่าวหาสองสามีภรรยาว่าสนับสนุนกลุ่มสุดโต่งชนกลุ่มน้อยชาวทมิฬและทำลายชื่อเสียงกองทัพ จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้พระดังถูกแจ้งอีกหมิ่นศาลอีกหนึ่งข้อหา
นางซานเดีย พยายามต่อสู้อย่างไม่ย่อท้อ เพื่อค้นหาข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับสามี รวมถึงผู้สื่อข่าวอีกจำนวนหนึ่งที่สูญหายไปในช่วงสงครามกวาดล้างกลุ่มกบฎพยัคฆ์ทมิฬ และทำให้เธอได้รับรางวัลสตรีกล้าหาญของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ โดยรับจากเมลาเนีย ทรัมป์ สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว
พระคนาสาระ เป็นผู้นำกลุ่ม บีบีเอส หรือพลังพุทธ กลุ่มพุทธที่ถูกกล่าวหาอยู่เบื้องหลังการปลุกปลั่นสร้างความเกลียดชังชนกลุ่มน้อยมุสลิมและคริสเตียน รวมถึงโจมตีมุสลิมหลายครั้ง แต่กลุ่มบีบีเอสปฏิเสธ
พระชื่อดังรูปนี้หลบหนีการจับกุมของตำรวจเป็นเวลานับเดือนเมื่อปีที่แล้ว หลังถูกกล่าวหาพัวพันการทำร้ายมุสลิม ก่อนยอมตัวและได้รับอนุญาตประกันตัว แต่เป็นครั้งแรกที่ต้องคดีถึงขั้นติดคุก