svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

ทรัมป์อาจประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนหลายหมื่นล้านดอลลาร์

14 มิถุนายน 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ทรัมป์อาจจะประกาศในวันศุกร์นี้ เกี่ยวกับมาตรการเรียกเก็บภาษีหลายหมื่นล้านดอลลาร์ในการนำเข้าสินค้าจากจีน หลังจากที่ทีมคณะทำงานทำเนียบหวังกดดันจีนอย่างหนัก

ขณะที่เฟดมีมติเอกฉันท์ 8 ต่อ 0 ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% แตะระดับ 1.75-2.0% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ พร้อมส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในช่วงครี่งหลังของปีนี้ มั่นใจเศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัวแข็งแกร่ง แม้จะชะลอตัวลงในปี 2019 และปี 2020 โดยเฟดยังคงเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปีหน้าด้วย



ส่วนไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ให่สัมภาษณ์ที่กรุงโซล คาดการณ์ว่า เกาหลีเหนือจะเริ่มเข้าสู่กระบวนการปลดอาวุธนิวเคลียร์ ก่อนที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะครบวาระการดำรงตำแหน่งในเทอมแรกปี 2021


1.   ประธานาบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจจะประกาศในเร็วๆ นี้ หรือในวันศุกร์นี้ เกี่ยวกับมาตรการเรียกเก็บภาษีหลายหมื่นล้านดอลลาร์ในการนำเข้าสินค้าจากจีน หลังจากที่การเจรจาผ่านมาแล้วถึง 3 รอบ 


ทั้งนี้ ทางการสหรัฐมีเป้าหมายจะจัดเก็บภาษีจากจีนเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสหรัฐได้กล่าวหาจีนว่ามีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และขโมยความรู้ด้านเทคโนโลยีจากบริษัทของสหรัฐ


ขณะที่มีรายงานว่า ทีมคณะทำงานทำเนียบต้องการกดดันจีนอย่างหนักให้ยอมจ่ายภาษีสินค้าที่ส่งออกไปยังสหรัฐ โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มเทคโนโลยี ชิ้นส่วนและอุปกรณ์การสื่อสาร และอุตสาหกรรม ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาที่เรียกว่า Made In China 2025 ซึ่งทางการจีนมีเป้าหมายพัฒนาและยกระดับการผลิตสินค้าเพื่อแข่งขันในตลาดโลก


2.   ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเอกฉันท์ 8 ต่อ 0 ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% l^jitfy[ 1.75-2.0% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ พร้อมส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในช่วงครี่งหลังของปีนี้ มั่นใจเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวแข็งแหร่ง แม้จะชะลอตัวลงในปี 2019 และปี 2020 


คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟด ได้ประชุมเป็นเวลา 2 วันเมื่อวันที่ 12-13 มิถุนายน ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอีก 0.25% สู่ระดับ 1.75-2.0% ส่งผลให้เพดานดอกเบี้ยเมื่อถึงปลายปีนี้จะปรับขึ้นเป็น 2.25-2.5% จากเดิมที่ 2.0-2.25% เป็นการส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้ ทำให้การปรับชึ้นดอกเบี้ยทั้งปีนี้จะมีถึง 4 ครั้ง เทียบกับที่คาดไว้เดิม 3 ครั้ง


ส่วนในปีหน้า เฟดยังคงส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 3 ครั้ง ทำให้ทิศทางดอกเบี้ยในปีหน้าจะทะลุระดับ 3.1% และเพิ่มขึ้นสูระดับ 3.4% ในปี 2020


3,   แถลงการณ์ของเฟดระบุว่า เฟดจะยังคงดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อไป เพราะปัจจัยเสี่ยงต่อเสรษฐกิจยังคงต้องมีความสมดุล แต่จีดีพีสหรัฐจะยังมีความแข็ง โดยเฟดคาดการณ์ว่าจีดีพีในปีนี้จะขยายตัว สู่ระดับ 2.8% จากเดิมที่คาดไว้ 2.7% ส่วนในปี 2019 จะมีจีดีพีขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลงสู่ระดับ 2.4% และอยู่ที่ระดับ 2.0% ในปี 2020 แต่ยังเป็นการปรับเพิ่มจากเดิมที่คาดว่าจีดีพีจะขยายตัวที่ปีละ 1.8%


ส่วนสถานการณ์เงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ในระดับ 2.1% ในปีนี้ จากเดิมที่คาดไว้ที่ 1.9% ขณะที่ปี 2019 และในปี 2020 จะอยู่ที่ระดับ 2.1% จากเดิมที่ระดับ 2.0% ด้านอัตราการว่างงานนั้น เฟดคาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 3.6% ในปีนี้ จากเดิมที่ 3.8% และปรับตัวลดลงสู่ระดับ 3.5% ในปี 2019 และปี 2020 จากเดิมที่ 3.6% 


4.   หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ต่อข้อตกลงที่ได้ร่วมลงนามกับคิม จองอีน ผู้นำเกาหลีเหนือ ในช่วงการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน โดยเฉพาะในเรื่องของการปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือนั้น ไม่ได้มีการระบุกรอบเวลาที่ชัดเจนนั้น


ในวันนี้ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ กล่าวที่กรุงโซล โดยคาดการณ์ว่า เกาหลีเหนือจะเริ่มเข้าสู่กระบวนการปลดอาวุธนิวเคลียร์ ก่อนที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะครบวาระการดำรงตำแหน่งในเทอมแรกปี 2021


ทั้งนี้ ในเอกสารที่ผู้นำสหรัฐและผู้นำเกาหลีเหนือร่วมลงนามนั้น ระบุว่าเกาหลีเหนือให้คำมั่นที่จะปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์ ขณะที่สหรัฐก็ให้คำมั่นว่าจะรับประกันความมั่นคงให้กับเกาหลีเหนือ


5.   ฮารุฮิโกะ คุโรดะ วัย 73 ปี นั่งในตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อีกหนึ่งสมัยเป็นเวลา 5 ปี หลังจากได้เริ่มเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการบีโอเจในเดือนมีนาคม 2013 


ทั้งนี้ BOJ ได้เริ่มการประชุมนโยบายที่จะมีขึ้นเป็นเวลา 2 วันในวันนี้ โดยคาดว่า BOJ จะยังคงนโยบายกระตุ้นการเงินเชิงรุกต่อไป ในขณะที่เงินเฟ้อยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับเป้าหมายที่ 2%


ท่ามกลางเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่มีการปรับตัวดีขึ้นหลายด้าน ส่งผลจีดีพีมีการขยายตัวติดต่อกัน 8 ไตรมาสในช่วงที่ผ่านมา ก่อนที่ประสบกับภาวะหดตัวลงในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์มองว่า แนวโน้มดีงกล่าวเป็นการชะลอตัวลงเพียงชั่วคราว


นอกจากนี้ ตลาดยังคงจับตามี่การประชุมของธนาคารกลางยุโรปในวันนี้เช่นกัน ว่าจะยกเลิกมาตรดารอัดฉีดเงิน QE ในการเข้าซื้อบอนด์เดือนละ 30,000 ล้านยูโร ซึ่งจะครบกำหนดในเดือนกันายนนี้หรือไม่

logoline