svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"สงกรานต์" ปัดถูกดูดหลังพบนายกฯ พร้อมย้ำหนุนอภิสิทธิ์เป็นหัวหน้าพรรค หวั่นอนาคตใหม่แย่งเก้าอี้

13 มิถุนายน 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ท่ามกลางกระแสข่าวพลังดูด หลังจากที่ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลงพื้นที่ ครม.สัญจร ที่จังหวัดพิจิตรและจังหวัดนครสวรรค์ ทีมข่าวเนชั่นทีวีได้มีโอกาสพูดคุยกับ อดีต ส.ส. จ.นครสวรรค์ พรรคประชาธิปัตย์ สงกรานต์ จิตสุทธิภากร ซึ่งเป็นหนึ่งในนักการเมืองที่เข้าพบเผื่อต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ นครสวรรค์

โดย นายสงกรานต์ ได้บอกถึงการประเมินสถานการณ์ทางการเมืองว่า ส่วนตัวและพรรคประชาธิปัตย์มีการประเมินว่า น่าจะมีการเลือกตั้งไปตามโรดแมป หรืออาจไม่เกิน60วัน ซึ่งจะอยู่ในช่วงเดือนเมษายน โดยขณะนี้ที่พรรคก็ไม่มีการเตรียมความพร้อมไว้เบื้องต้นแล้ว ว่าใครจะอยู่ใครจะไปบ้าง แต่ยังประชุมพรรคไม่ได้ เพราะติดล็อกคำสั่งของ คสช. ซึ่งทันทีที่มีคำสั่งให้ปลดล็อก เราก็จะประชุมพรรคเป็นการรับลองสมาชิกก่อน และจะกำหนดระเบียบข้อบังคับพรรคใหม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่แปลก เพราะคุณอภิสิทธิ์ บอกว่าจะใช้ระบบ ไพร์มารี่โหวต กับการเลือกหัวหน้าพรรคด้วย และถึงจะตั้งกรรมการพรรคต่อไป ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่ง ของการปฏิรูป พรรคประชาธิปัตย์ 


เมื่อถามว่ายังคงสนับสนุน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะให้เป็นหัวหน้าพรรคเหมือนเดิมหรือไม่ นายสงกรานต์บอกว่า ส่วนตัวยังคงสนับสนุนให้นายอภิสิทธิ์ เป็นหัวหน้าเหมือนเดิม พร้อมยืนยันว่า ตัวเองจะยังคงอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ แม้จะมีกระเเสข่าวว่าจะถูกดึงไปอยู่กับพล.อ.ประยุทธ์ดังที่เป็นข่าวจากการไปเข้าพบนายกรัฐมนตรีในการลงพื้นที่ จ.นครสวรรค์ แต่จริงๆแล้วไม่ได้มีอะไรเลย เป็นลักษณะของการเป็นเจ้าภาพและก็มีหลายคนมาชวนซึ่งก็เกรงใจ โดยในความเป็นจริงยังไม่มีใครมาเชิญชวนให้ไปร่วมพรรคด้วย เพราะส่วนตัวอยู่กับประชาธิปัตย์มา38ปีแล้ว และเรียนตรงๆว่าในพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ของประชาธิปัตย์ โดยถ้าไปร่วมกับพรรคอื่น นั้นมีความเสี่ยงสูง


ขณะเดี่ยวกันเมื่อถามถึงตัวเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่นอกจากนาย อภิสิทธิ์ นายสงกรานต์บอกว่า ถ้าเป็นสมัยก่อนคือ สุรินทร์ พิศสุวรรณ แต่เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งตอนนี้ในพรรคยังมองไม่เห็นใครที่จะขึ้นมาเเทน คุณอภิสิทธิ์ แต่ส่วนตัวอยากเห็นการเเข่งขัน อยากเห็นคนใหม่ๆอาสาเข้ามา เพราะอย่างน้อยก็เป็นทางเลือก


โดยนายสงกรานต์ยืนยันว่าการเข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ของนักการเมืองที่ นครสวรรค์นั้น ว่าทุกคนมาแบบเดียวด้วยความเกรงใจ และต้องยอมรับว่าทางราชการเก่งมาก ส่วนตัวเข้าใจว่าหลังจากการลงพื้นที่ จ.พิจิตร ไม่มีส.ส.ไปต้อนรับ เลยสั่งทางกระทรวงมหาดไทยมาให้ประสานกับ ส.ส.ด้วย ซึ่งส.ส.มีความเกรงใจกับบางคน อย่างเช่น ท่านปลัด ฉัตรชัย พรหมเลิศ ที่คุ้นเคยกับส.ส.เป็นอย่างดี ซึ่งได้ประสานมา


ขณะที่มีพรรคเพื่อไทยเดินทางไปพบพล.อ.ประยุทธ์ด้วยเช่นกัน นายสงกรานต์ บอกว่า คนนครสวรรค์เป็นคนที่อะลุ่มอล่วย และเกรงใจ ซึ่งที่มานั้นไม่ได้มีอะไร แต่ถามว่ามีการคุยกันเพื่อดึงไปร่วมกับรัฐบาลหรือไม่ คิดว่ามีอย่างเช่น คุณอนุชา นาคาศัย ที่บอกว่ากำลังจะมีงานทำ


ส่วนกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทยขึ้นและมีการดึงอดีตส.ส.จากประชาธิปัตย์ไปร่วมด้วย นางสงกรานต์ บอกว่าส่วนตัวคิดว่าสะเทือนที่สุดคือ ภาคใต้ โดยที่ประกาศชัดเจนถึงการโยกย้ายไปร่วมพรรค รปช. ก็คือ ยะลา ปัตตานี จันทบุรี  และส่วนตัวมีโอกาสคุยกับนายสุเทพว่า จะไม่ยุ่งกับพื้นที่อื่นที่นอกจากคนคุ้นเคย อย่างภาคเหนือมีน้อย จังหวัดละคนสองคน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีการทาบทามจริง ซึ่งให้มองว่าเป็นเรื่องของการเเข่งขันกันในพื้นที่


เมื่อถามถึงการประเมินพรรคที่เป็นคู่แข่ง นายสงกรานต์มองว่าพรรคเพื่อไทยเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวและพรรคอนาคตใหม่ เป็นพรรคที่มาแรง เพราะเป็นพรรคที่ไม่มีอดีต สามารถพูดได้ทุกเรื่องและได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่น ซึ่งไม่เคยเลือกตั้งและมีจำนวนมาก โดยเป็นสิ่งที่น่ากลัวสำหรับพรรคเก่า แต่มองว่าเมื่อเวลาเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยจะได้เสียงข้างมากอยู่ดี 


เมื่อถามถึงมุมมองที่มีต่อพรรคประชารัฐ นายสงกรานต์ มองว่ากระเเสของพรรคประชารัฐจะมาแรงและจะแผ่ว และพูดตรงๆว่ากระเเสทหารไม่ได้แรงอย่างที่คิด เพราะปัญหาเรื่องปากท้องของชาวบ้านยังแก้ไขไม่ตรงจุด เช่น โครงการบัตรคนจน ที่ทำให้เงินไม่สามารถหมุนในพื้นที่นั้นได้ โดยส่วนตัวมองว่าคะเเนนนิยมของทหารนั้นเงียบและคนที่ไปร่วมกับทหารก็รู้ว่าจะต้องเหนื่อย แต่ก็มีแรงจูงใจที่ว่าเมื่อเข้าพรรคใหญ่อย่าง เพื่อไทยและประชาธิปัตย์ไม่ได้ ก็ต้องไปร่วมกับพรรคของทหารดีกว่าจะอยู่เฉยๆ ซึ่งส่วนตัวไม่กลัวประชารัฐแต่กลัวอนาคตใหม่

ส่วนกรณี กระเเสที่พรรคประชาธิปัตย์จะถูกนับเก้าอี้เพื่อหนุนพล.อ.ประยุทธ์ เป็นรัฐบาลหน้าจะมีผลต่อฐานเสียงหรือไม่ นายสงกรานต์ บอกว่า มีส่วนสำคัญ เท่าที่ตัวเองทราบมาคือแต่เดิมเขาอยากให้ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลอยู่แล้ว แต่คุณอภิสิทธิ์มีท่าทีไม่อยากอยู่กับทหาร ไม่อยากอยู่กับเผด็จการ ทหารจึงตัดสินใจว่าพึ่งประชาธิปัตย์ไม่ได้แล้ว จึงเป็นที่มาของประชารัฐและรปช.โดยหากคะเเนนของทั้ง2พรรครวมกันมาแทนประชาธิปัตย์  พร้อมยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์คงเป็นพรรคร่วมรัฐบาลแน่นอนแต่อาจจะไม่มีบทบาทเท่าไหร่ เพราะไม่ใช่พรรคอันดับหนึ่ง 


เมื่อถามว่า มองความสัมพันธ์ระหว่างสุเทพกับอภิสิทธิ์ ที่จะทำให้ รัฐบาลใช้เป็นเครื่องมือเพื่อดูดนาย อภิสิทธิ์ให้เปลี่ยนใจ นายสงกรานต์ บอกว่า ส่วนตัวมีโอกาสได้คุยกับ คุณสุเทพบ่อยและมองว่าคุณสุเทพเป็นคนที่ชัดเจน คืออยู่กับใครก็ได้ที่ไม่ใช่เพื่อไทย แต่คุณสุเทพอาจจะมองว่า หัวหน้าพรรค อภิสิทธิ์อาจไม่แข็งพอที่จะรบกับเพื่อไทย ก็เลยเลือกพล.อ.ประยุทธ์ แต่จุดยืนของประชาธิปัตย์คือไม่เอาทหารจึงทำให้คุณสุเทพไม่มั่นใจ


logoline