สำหรับข้อตกลงสำคัญได้เน้นในสิ่งที่สหรัฐและเกาหลีเหนือจะใช้ความพยายามร่วมกันในการสร้างสันติภาพที่มั่นคง และยั่งยืนบนคาบสมุทรเกาหลี โดยที่เกาหลีเหนือให้คำมั่นว่าจะเดินหน้ากระบวนการปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์ ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงปฏิญญาปันมุนจอมที่ทั้งสองเกาหลีได้ร่วมลงนามเมื่อวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา
ขณะที่จีนแสดงความชื่นชมการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำสหรัฐและผู้นำเกาหลีเหนือ รวมทั้งคาดหวังว่าทั้ง 2 ประเทศจะสามารถมีมติเบื้องต้นร่วมกันในการปลดอาวุธนิวเคลียร์ รวมทั้งยังจะต้องมีกลไกทางสันติภาพสำหรับคาบสมุทรเกาหลี เพื่อให้เกิดความมั่นคงต่อเกาหลีเหนือ
1. เกือบ 4 ชั่วโมง 45 นาที ของวันที่ 12 มิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงเวลาของการการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้ร่วมลงนามในข้อตกลงว่าด้วยเรื่อง ที่โรงแรมคาเปลลา บนเกาะเซนโตซาของสิงคโปร์ ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่ประชุมสุดยอดครั้งนี้
ทั้งนี้ เมื่อเวลาราว 13.40 น. ตามเวลาสิงคโปร์ ประธานาธิบดีทรัมป์ และคิม จองอึน ได้ร่วมลงนามในสัญญา ซึ่งผู้นำสหรัฐเรียกว่า เป็นเอกสารที่ครอบคลุมประเด็นต่างๆ โดยจะมีการแถลงข่าวในเวลา 14.30 น. ซึ่งนับเป็นการประสบความสำเร็จที่เกินกว่าใคร ๆ ได้คาดไว้
ขณะเดียวกันคิม จองอีน ได้กล่าวผ่านล่ามแปลหลังร่วมลงนามในเอกสารระบุว่า"โลกจะได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ โดยได้กล่าวขอบคุณประธานาธิบดีทรัมป์ที่ทำให้การประชุมครั้งนี้เกิดขึ้น
2. สำหรับรายละเอียดของข้อตกลงระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือประกอบเนื้อหาสำคัญคือ หนี่ง สหรัฐและเกาหลีเหนือให้คำมั่นว่าจะฟื้นฟูความสัมพันธ์กันครั้งใหม่ ให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชนทั้งสองประเทศ เพื่อนำไปสู่ความรุ่งเรือง
สอง สหรัฐและเกาหลีเหนือจะใช้ความพยายามร่วมกันในการสร้างสันติภาพที่มั่นคง และยั่งยืนบนคาบสมุทรเกาหลี โดยที่เกาหลีเหนือให้คำมั่นว่าจะเดินหน้ากระบวนการปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์ ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงปฏิญญาปันมุนจอมที่ทั้งสองเกาหลีได้ร่วมลงนามเมื่อวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา
สาม สหรัฐและเกาหลีเหนือ ให้คำมั่นว่าจะร่วมค้นหาเชลยศึก/ผู้ที่สูญหายระหว่างปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งส่งคืนร่างกายบุคคลที่เหลืออยู่ สำหรับผู้ที่สามารถระบุตัวตนได้ในทันที
3. ทั้งนี้ เนื้อหาในเอกสารที่ 2 ผู้นำได้ร่วมลงนามนั้น บ่งชี้ว่า สหรัฐและเกาหลีเหนือให้คำมั่นที่จะร่วมมือกันเพื่อให้เกิดการปลดอาวุธนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ในคาบสมุทรเกาหลี โดยผู้นำทั้งสองตกลงกันที่จะสร้างกลไกเพื่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือครั้งใหม่
ขณะที่ชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ให้คำมั่นจะหยิบยกประเด็นการที่เกาหลีเหนือได้ลักพาตัวชาวญี่ปุ่นในช่วงทศวรรษ 1970-1980 ขึ้นมาหารือกับคิม จองอึน ในการประชุมสุดยอดวันนี้ด้วย
นอกจากนี้ ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ได้ทวีตภาพที่เขากำลังโทรศัพท์พูดคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น และรัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ เกี่ยวกับเนื้อหาที่ประธานาธิบดีทรัมป์ และคิม จองอีน ได้มีการเจรจากันในรายละเอียด
4. ประธานาธิบดีทรัมป์จะครบวันเกิด 72 ปีในวันที่ 14 มิถุนายน มาพร้อมกับบรรยากาศที่ผ่อนคลายสำหับการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ในวันนี้ ด้วยการควงแขนคิม จองอีน เดินเล่นในสวนของโรงแรมคาเปลลา ซึ่งเป็นสถานที่ประชุมในช่วงระหว่างพักการประชุม
ขณะที่คิม จองอึน ในวัย 35 ปี ได้อยู่ในตำแหน่งผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ โดยตลอดระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา เขาไม่ยอมเดินทางไปต่างประเทศเลย อาจมีเพียงการเยือนจีน 2 ครั้ง และก้าวข้ามเขตแดนยังฝั่งเกาหลีใต้ และล่าสุดการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ที่สิงคโปร์
นอกจากนี้ หากเขาตอบรับคำเชิญของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เพื่อเข้าร่สทประชุมเขตเศรษฐกิจระดับภูมิภาคในเดือนกันยายนรี้ ก็จะได้พบกับชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นื้จะเดินทางมาร่วมประชุมที่รัสเซียด้วย
แต่ในวันนี้กลับถูกมองว่า หลังจากการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์โดยมีการจับมือสร้างสัมพันธ์ใหม่กับสหรัฐที่เคยเป็นศัตรูหมายเลข 1 นั้น จะสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนผ่านเกาหลีเหนือให้เป็นประเทศที่มั่นคง ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ และนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจที่มั่งคั่งมากขึ้น
5. จีนแสดงความชื่นชม โดยหวัง ยี่ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน กล่าวด้วยความรู้สึกที่ยินดีและสนับสนุนการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำสหรัฐและผู้นำเกาหลีเหนือ รวมทั้งคาดหวังว่าทั้ง 2 ประเทศจะสามารถมีมติเบื้องต้นร่วมกันในการปลดอาวุธนิวเคลียร์ รวมทั้งยังจะต้องมีกลไกทางสันติภาพสำหรับคาบสมุทรเกาหลี เพื่อให้เกิดความมั่นคงต่อเกาหลีเหนือ
รัฐมนตรีต่างประเทศจีน กล่าวอีกว่า การที่ผู้นำทั้งสองได้นั่งลงและเจรจากันอย่างเท่าเทียมกันเป็นาญญาณในทางบวกและมีความสำคัญอย่างยิ่ง ต่อการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่