ค้านบ.ทีพีไอ สร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ทำลายแหล่งโอโซนอันดับ 7 ของโลก อ.มวกเหล็ก
กลุ่มผู้คัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน และสัมปทานเหมืองปูน บริษัท ทีพีไอ ร่อนหนังสือถึง สื่อมวลชน ลงพื้นที่สำรวจปัญหาความเดือดร้อน และรับฟังเสียงชาวบ้านที่ไม่ต้องการให้โครงการที่ส่งผลกระทบธรรมชาติรุนแรงเกิดขึ้นในพื้นที่ ขณะที่รายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการดังกล่าว ดำเนินมาถึงเวที ค.3 แล้ว
12 มิ.ย. 2561 - นายพฤฒิ เกิดชูชื่น ชาวอำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี บอกว่า บริษัท ทีพีไอ ได้ขอก่อสร้างโรงผลิตไฟฟ้าพลังงานความร้อนเพิ่มอีกหนึ่งแห่ง บริเวณบ้านซับบอนโดยใช้ถ่านหิน 80% ใช้ขยะ 20% เป็นเชื่อเพลิง และใช้น้ำจากแม่น้ำป่าสักอย่างมากในกระบวนการผลิต ซึ่งจะก่อให้เกิดมลพิษต่อผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ใกล้เคียงเป็นรัศมีวงกว้างกว่า 30 กิโลเมตร ขยะจำนวนมากจะถูกขนส่งมากองรวมกัน เกิดกลิ่นเหม็นเน่า น้ำเสียจากกองขยะที่ซึมลงใต้ดินจะขยายวงกว้างเป็นแหลางเพาะเชื่อโรคแพร่กระจายสู่ชุมชน
"ปัจจุบัน ทีพีไอ ก็มีโรงไฟฟ้า ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมต่อเนื่องจาก การเผาปูนจากเหมือง ทั้งหมด 7 โรง ในการเผาไหม้ในโรงไฟฟ้าขยะอยู่แล้ว และกำลังจะขอสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มอีกแห่งที่ใช้เชื้อเพลิงจากถ่านหิน" นายพฤฒิ กล่าวและว่า ถ่านหินมีพิษร้ายแรงการฟุ้งกระจายของส่วนประกอบที่เป็นพิษในถ่านหินมีมากกว่า 30 รายการยกตัวอย่าง เช่น สารปรอท สารหนู สารตะกั่ว คาร์บอน มีผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจและสมอง นำมาซึ่งโรคปอด โรคผิวหนังและมะเร็ง โดยถ่านหินที่ซื้อมาจากต่างประเทศนั้น ทางบริษัท ทีพีไอ จะใช้รถขนส่งลำเลียงมาไม่น้อยกว่าวันละ 90 เที่ยว/วัน ขนขยะอีกวันละ 120 เที่ยว/วัน จะทำให้การจราจรถนนมิตรภาพมีปัญหามากขึ้น กระทบภาพลักษณ์การท่องเที่ยว
รวมทั้งแหล่งน้ำทั่งใต้ดินและแม่น้ำป่าสักจะถูกนำมาใช้ในกระบวนการผลิต จนอาจทำให้เกิดการขาดแคลนน้ำ และที่สำคัญอำเภอมวกเหล็ก อากาศที่บริสุทธิ์ เป็นโอโซนอันดับ 7 ของโลก จะถูกทำลาย เกิดฝนกรด ฝนเหลือง ภาวะโลกร้อน กระทบความเป็นอยู่ของคน พืช สัตว์ เพราะสารอันตรายต่างๆ เหล่านี้ จะแพร่กระจายตกค้างในอาหารของคน พืช สัตว์ โดยเฉพาะโคนมซึ่งเป็นอาชีพพระราชทาน เพราะเมื่อวัวกินน้ำกินหญ้าที่มีสารพิษตกค้าง น้ำนมที่ออกมาให้คนทั้งประเทศบริโภคก็ต้องถูกปนเปื้อนจากสารพิษ ทำลายเศรษฐกิจการท่องเที่ยวร้ายแรงเป็นวงกว้าง
ชาวอำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี รายนี้บอกอีกว่า ทีพีไอ ยังขอสัมปทานเหมืองปูนเพิ่มเติมด้วยการบุกรุก ตัดต้นไม้ทำลายธรรมชาติขุดเจาะภูเขา ทำลายระบบนิเวศน์ ห่วงโซ่อาหารสัตว์ป่า
"ทีพีไอ ได้ประโยชน์อย่างมหาศาล แต่ประชาชนในพื่นที่ใกล้เคียงได้รับผลกระทบ สูญเสียทรัพยากรป่าไม้ให้นายทุน ทีพีไอ ขาดความรับผิดชอบ ขาดหลักธรรมาภิบาล ยัดเยียความเดือดร้อนให้กับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ชาวบ้านในพื้นที่ในฐานะผู้มีส่วนได้เสียและเป็นผู้เดือดร้อนจากโรงงาน ทีพีไป ขอคัดค้านการจัดทำโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน (ถ่านหิน) ขนาด 150 เมกกะวัตต์ และสัมปทานเหมืองปูนที่ทำลายธรรมชาติ " พฤฒิ กล่าวในที่สุด
