ผู้สื่อข่าว 2,500 คนทั่วโลก เกาะติดข่าวการประชุมสุดยอด ระหว่างทรัมป์และคิม จองอีน ในวันพรุ่งนี้

ขณะที่ KCNA เผยทางการเกาหลีเหนือหวังฟื้นสัมพันธ์ที่ดีครั้งใหม่ของ  2 ประเทศ และแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับการสร้างกลไกเพื่อให้เกิดสันติภาพอย่างถาวรและยั่งยืนในคาบสมุทรเกาหลี รวมถึงหารือกันในประเด็นการอปลดาวุธนิวเคลียร์


สำหรับเวทีประชุม G7 ทรัมป์คว้าน้ำเหลวร่วมประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรม 7 ประเทศ สั่งผู้แทนสหรัฐไม่ให้รับรองแถลงการณ์ร่วม G7 หังการประชุมปิดฉากลงที่เมืองควิเบค แคนาดา


1.   ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และคิม จองอีน ได้เดินทางถึงสิงคโปร์เมื่อวันอาทิตย์ในเวลาที่ใกล้เคียงกัน โดยผู้นำเกาหลีเหนือเดินทางด้วยสาบการบินแอร์ไชน่าของจีนมาถึงก่อนในเวลา 14.30 น. ขณะที่ผู้นำสหรัฐเดินทางมาพร้อม Air Force One โดยตรงจากแตนาดาในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น


ท่ามกลางผู้สื่อข่าว 2,500 คนจากทั่วโลกเกาะติดข่าวการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างผู้นำสหรัฐและผู้นำเกาหลีเหนือในวันพรุ่งนี้ โดยประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวว่า การประชุมสุดยอดระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือน่าสนใจอย่างยิ่ง และจะออกมาดีมากๆ เพราะโอกาสที่ไม่ได้เปิดบ่อยนัก สำหรับคิม จองอีน ที่อยากจะทำในสิ่งดีๆ ให้กับประชาชนชาวเกาหลีเหนือ


ส่วนไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ เปิดเผยผู้นำสหรัฐมีความพร้อมเป็นอย่างดีแล้ว สำหรับการประชุมสุดยอดกับคิม จองอึน ที่กำลังจะเปิดฉากขึ้น

2.   ส่วนสำนักข่าวกลาง KCNA ของทางการเกาหลีเหนือ รายงานว่า คิม จองอึน จะหารือกับประธานาธิบดีทรัมป์ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ครั้งใหม่ ระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐโ โดยที่เกาหลีเหนือขอฟื้นสัมพันธ์ที่ดีครั้งใหม่กับสหรัฐในการประชุมสุดยอดวันประวัติศาสตร์ 12 มิถุนายน 


นอกจากนี้ ยังจะแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับ การสร้างกลไกเพื่อให้เกิดสันติภาพอย่างถาวรและยั่งยืนในคาบสมุทรเกาหลี รวมถึงหารือกันในประเด็นการปลดอาวุธนิวเคลียร์


ในการประชุมสุดยอดจะจัดขึ้นที่โรงแรมคาเปลลา บนเกาะเซนโตซาของสิงคโปร์ โดยรัฐบาลสิงคโปร์ได้ใช้งบในการจัดประชุมครั้งประวัติศาสตร์นี้จำนวน 20 ล้านดอลลาร์ และประกาศให้พื้นที่ส่วนหนึ่งของเกาะเซนโตซาเป็นเขตความมั่นคงพิเศษ ช่วงระหว่างวันที่ 10-14 มิถุนายน 


3.    สื่อเกาหลีใต้รายงานจากสิงคโปร์ว่า คิม จองอึน ได้ส่งจดหมายเชิญประธานาธิบดีทรัมป์ฐเยือนเกาหลีเหนือ เพื่อร่วมประชุมสุดยอดร่วมกันเป็นครั้งที่ 2 ในเดือนกรกฎาคมนี้


โดยจดหมายจากผู้นำเกาหลีเหนือได้ถูกส่งถึงผู้นำสหรัฐในช่วงที่คิม ยองชอล ทีมงานระดับสูงของเกาหลีเหนือเดินทางไปทำเนียบชาวพื่อพบกับประธานาธิบดีทรัมป์เมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา

4.    ประธานาธิบดีทรัมป์คว้าน้ำเหลวร่วมประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรม 7 ประเทศ (G7) สั่งผู้แทนสหรัฐไม่ให้การรับรองแถลงการณ์ร่วม G7 หลังการประชุมปิดฉากลงที่เมืองควิเบค แคนาดา โดยที่ผู้นำสหรัฐนั้นถูกโดดเดี่ยวจากผู้นำอีก 6 ชาติ ที่ประกอบด้วยแคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น และอังกฤษ  


ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้สั่งการไม่ให้คณะผู้แทนสหรัฐให้การรับรองแถลงการณ์ร่วมของการประชุมผู้นำกลุ่ม G7 หลังจากเดินออกจากการประชุมตั้งแต่การเปิดฉากวันแรกที่เป็นวาระว่าด้วยเรื่องนโยบายการค้า ซึ่งผู้นำสหรัฐถูกรุมเร้าอย่างหนัก ท่ามกลางกระแสวิจารณ์จากการที่สหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมต่อชาติพันธมิตรอย่างแคนาดา เม็กซิโก และสหภาพยุโรป (EU) ตลอดเวลาที่ผ่านมา


โดยที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า สหรัฐไม่ต้องการจ่ายอะไรทั้งสิ้น และทำไมถึงต้องยอมจ่าย


5.   ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ทวีตข้อความโจมตีผู้นำแคนาดาและฝรั่งเศส ก่อนการประชุมสุดยอด G7 โดยกล่าวหาทั้งสองประเทศว่าได้เรียกเก็บภาษีจำนวนมากต่อสินค้าสหรัฐ รวมทั้งตั้งกำแพงการค้าที่ไม่ใช่มาตรการทางการเงิน


ขณะที่ EU มีการเกินดุลการค้ากับสหรัฐมากถึง 151,000 ล้านดอลลาร์ และแคนาดาก็ได้ออกมาตรการกีดกันเกษตรกรอเมริกัน โดยเรียกเก็บภาษีต่อผลิตภัณฑ์นมสูงถึง 300% 


นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ตอบโต้และวิจารณ์นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ของแคนาดา ผ่านทางทวิตเตอร์ที่ระบุว่า ถ้อยแถลงของผู้นำแคนาดาที่วิจารณ์การเก็บเรียกภาษีนำเข้าของสหรัฐนั้น ไม่เป็นความจริงและยังชอบแทงข้างหลัง


ส่วนด้านเอมมานูเอล มาครอง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ทวีตข้อความขู่ที่จะออกแถลงการณ์ G7 โดยมีการลงนามเพียง 6 ชาติ ยกเว้นสหรัฐ โดยทวิตเตอร์ีะบุว่า ผู้นำสหรัฐอาจจะไม่กังวลที่จะถูกโดดเดี่ยว หากจำเป็นต้องมีการลงนามข้อตกลงเพียง 6 ชาติ เพราะ 6 ชาติในขณะนี้เป็นตัวแทนที่เป็นคุณค่า เป็นตัวแทนที่บ่งชี้ถึงเศรษฐกิจระบบตลาดซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนาน และขณะนี้กำลังเป็นพลังที่สำคัญในระดับระหว่างประเทศ ซึ่งผู้นำสหรัฐได้ส่งทวิตเตอร์ตอบโต้ในเวลาต่อมา