ก่อนจะหายตัวไป "พระราชรัตนมุนี" ก็ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ดี และให้ข้อมูลว่า "วัด ได้รับงบอุดหนุนในโครงการต่างๆ จาก พศ. อาทิ โครงการเผยแพร่ศาสนา งบบูรณะปฏิสังขรณ์ และงบอื่นๆ อีก หลายงบ หลังได้งบแล้ว ได้มีเจ้าหน้าที่จาก พศ.มาขอเงินบางส่วนคืนไป"
เบื้องต้นทราบว่ามีบุคคลที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ พศ. มาขอเงินงบเผยแพร่ศาสนา กับวัดพิชยญาติการาม คืนไปตั้งแต่ปี 2558 ประมาณ 5 ล้านบาท และปี 2559-2560 ขอเงินบูรณะปฏิสังขรณ์คืนไปประมาณ 1.5 ล้านบาท เงินจำนวนดังกล่าวแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ งบบูรณปฏิสังขรณ์ศูนย์ปฏิบัติธรรม และ งบสนับสนุนเผยแผ่พระพุทธศาสนา
ลองย้อนกลับไปดูข่าวเก่า เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2560 ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ตำรวจ ปปป. เข้าตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายของวัดพิชยญาติการามวรวิหาร หรือ วัดพิชัยญาติ เขตคลองสาน หลังพบข้อมูลว่าได้รับเงินอุดหนุนจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติตั้งแต่ปี 2555 จำนวนหลายล้านบาท
วัดได้นำหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และโครงการสนับสนุนเผยแผ่งานพระพุทธศาสนาบางส่วนไปแสดงกับเจ้าหน้าที่ แต่ยังไม่ครบถ้วน ขณะที่หนังสือของบประมาณจากสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ทางวัดก็ยังไม่มีมาแสดง เนื่องจากไม่ได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน ทำให้ต้องทำหนังสือไปขอเอกสารจากสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ รวมทั้งต้องไปขอเอกสารทางการเงินจากธนาคารที่เปิดบัญชีไว้อีก ก่อนที่จะสรุปได้ว่ามีความผิดหรือไม่
วัดบอกว่า การโอนเงินจากสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ เข้าวัดจำนวน 2 บัญชี ตั้งแต่ประมาณปี 2555 จำนวนหลายสิบล้านบาท นั้น มีการเบิกจ่ายไปทำตามวัตถุประสงค์ของวัด และโอนไปให้หลายวัดในจังหวัดภาคกลาง เนื่องจากเจ้าอาวาสของวัดนี้ ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่หนกลาง ทำให้มีการโอนเงินไปสนับสนุนงานเผยแผ่งานพระพุทธศาสนาตามวัดต่างๆ
คาดว่า ในวันนี้ "11-6-2561" เวลา 14.00 น.ที่พุทธมณฑล จ.นครปฐม มีการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ซึ่งคาดว่าพระเถระในที่ประชุม มส.จะสอบถาม พ.ต.ท.พงศ์พร ในฐานะเลขาธิการ มส.ถึงกรณีออกหนังสือคำสั่งสอบบัญชีวัด !