svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เจาะประเด็นร้อน

เส้นทางอนาคตของชายที่ชื่อ "สุเทพ เทือกสุบรรณ"

06 มิถุนายน 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

การหวนคืนการเมืองของ "สุเทพ เทือกสุบรรณ" แม้เจ้าตัวหรือกองเชียร์ฮาร์ดคอร์จะพยายามบ่ายเบี่ยงว่า ผู้ที่เคยชุบตัวจากนักการเมืองกลายเป็น "ลุงกำนัน" จะไม่ได้หวนกลับมาเล่นการเมือง ตามที่เคยให้สัจวาจาเอาไว้ หากเพียงแต่เป็นเพียงการตั้งพรรคการเมืองซึ่งเป็นสิทธิของปวงชนชาวไทย และพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย โดยไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งหรือมีตำแหน่งทางการเมือง


แต่คำกล่าวอ้างเหล่านี้มิได้ทำให้กระแสต่อต้านหรือหยามหมิ่นตัวเขาเบาบางลง



เพราะความจริงที่เกิดขึ้นคือ "สุเทพ" หวนกลับสู่การเมืองผ่านการก่อตั้งพรรค "รวมพลังประชาชาติไทย" ทั้งๆ ที่เขาเคยลั่นวาจาไว้ว่าจะไม่หวนกลับสู่การเมือง ไม่ว่าจะเป็นในนามพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็นการเป็น ส.ส. หรือ ส.ว. หรือแม้กระทั่ง การตั้งพรรคใหม่ ตามที่เขาเคยลั่นวาจาเอาไว้ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2559



แน่นอนว่าการกลับคำครั้งนี้ เจ้าตัวก็ย่อมรู้ว่า การ "ตระบัดสัตย์" หรือ "เสียสัตย์เพื่อชาติ" นั้น ผลตอบแทนที่ได้รับจะเป็นอย่างไร ประวัติศาสตร์ก็มีให้เห็น แต่เจ้าตัวก็เลือกที่จะทำ นั่นเพราะคนอย่างเขาย่อมต้องมีเป้าหมายทางการเมือง



สแกนดูความเห็นทั้งในโลกจริงและโลกออนไลน์ เสียงแช่งมีมากกว่าเสียงชม และที่ดูน่าเป็นห่วงคือ เสียงแช่งเกินครึ่งมาจากมวลมหาประชาชนที่เคยออกมาร่วมสู้กับ "ลุงกำนัน" เมื่อครั้งปิดเมืองไล่ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"



สิ่งที่ทำให้วันนั้นคนจำนวนหนึ่งยอมทำตามเสียงเรียกให้ออกมาไล่รัฐบาล ก็เพราะเชื่อว่า "สุเทพ" ที่กลายเป็น "ลุงกำนัน" จะเป็นผู้ที่ทำทุกอย่างโดยบริสุทธิ์ใจ ผ่านคำมั่นที่ว่าการกระโดดลงสู่ท้องถนนครั้งนั้นจะเป็นภารกิจทางการเมืองชิ้นสุดท้าย แต่มาถึงวันนี้ก็พิสูจน์ทราบแล้วว่าไม่ใช่


เส้นทางอนาคตของชายที่ชื่อ "สุเทพ เทือกสุบรรณ"


การแก้ตัวว่าเป็นเพียงสมาชิกพรรคนั้น อาจจะทำให้เจ้าตัวและกองเชียร์สบายใจบ้าง แต่เอาเข้าจริงแล้วอาจเป็นแค่การบรรเทาความรู้สึกผิดในใจให้แก่ตัวเองเท่านั้น เพราะใครๆ ก็ย่อมรู้ดีว่าการเป็นเพียงสมาชิกพรรคธรรมดา กับการเป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคการเมิืองนั้นมีความแตกต่างกันขนาดไหน



การเคลื่อนไหวของ "สุเทพ" ตลอดเวลาที่อยู่บนท้องถนนนั้น เขาถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับผลประโยชน์ทางการเมืองที่จะได้รับหลังการเคลื่อนไหวเป็นผลสำเร็จ แต่ก็เอาตัวรอดด้วยการยืนยันว่าจะไม่เล่นการเมือง แม้ใครต่อใครจะเตือนเหล่ากองเชียร์ว่าแทบจะไม่มีความเป็นไปได้ในคำมั่นครั้งนั้นเลย แต่ความเกลียดชังตัวผู้นำในขณะนั้นทำให้พวกเขายอมเชื่อคำของ "ลุงกำนัน"



หลังรัฐประหาร "สุเทพ" ก็ได้ไปบวชอยู่ร่วมปี พร้อมยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะไม่กลับคืนสู่การเมืองอีกแล้ว แม้แต่หลังจากลาสิกขา เขาก็ยังยืนยันคำเดิมครั้งแล้วครั้งเล่า โดยมีฉากหน้าที่อยู่ที่การสร้างวิทยาลัยอาชีวศึกษา ภาวนาโพธิคุณ ที่เกาะสมุย



จากนั้นเขาก็เริ่มมีบทบาททางการเมืองเรื่อยๆ โดยการออกมาสนับสนุนรัฐบาล และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นระยะๆ โดยเฉพาะยามที่อยู่ในภาวะตกต่ำเขามักจะออกมาการันตี ท่ามกลางข้อสงสัยว่าหวังผลทางการเมืองใดๆหรือไม่ แต่เขาก็ยังท่องคาถาคำเดิมว่า "เลิกแล้วซึ่งการเมือง"



แต่มาถึงวันนี้เขาก็เลือกที่จะกลืนน้ำลายตัวเอง ท่ามกลางคำก่นด่าและหยามเหยียดต่างๆ นานา ไม่ว่าจะเป็นตระบัดสัตย์ กลับคำ ปลิ้นปล้อน โมฆบุรุษ ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่เขาต้องรับให้ได้อันเนื่องมาแต่การกระทำของตัวเอง



คำถามมีอยู่ว่าอะไรที่ทำให้เขาต้องเลือกเข้าสู่เกมนี้ ทั้งๆ ที่เห็นแต่ทางลงต่ำของตัวเอง



เอาเข้าจริง นับตั้งแต่ "สุเทพ" ขึ้นสู่จุดสูงสุดในทางการเมืองครั้งเป็นรองนายกฯ อันดับหนึ่ง ฝ่ายความมั่นคง ในสมัยรัฐบาล "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ที่คุมทั้งกำลังทหาร ตำรวจ และกลับมาสู่เวทีการเมืองก็อยู่ในสถานะฝ่ายค้าน ก่อนจะกลับมาพุ่งแรงอีกครั้งคราวที่ออกจากการเมืองเพื่อเคลื่อนไหวการเมืองมวลชนในนาม "ลุงกำนัน" แกนนำ กปปส.



จากนั้นดูเหมือนชีวิตของเขาจะถอยห่างจากจุดรุ่งเรืองออกมาเรื่อยๆ เพราะเมื่อเลิกม็อบ เขาก็ไปสู่ร่มกาสาวพัสตร์อยู่ร่วมปี เมื่อออกมาก็ต้องผจญกับคดียาวเป็นหางว่าว คดีก่อการร้าย และคดีกบฏ ส่วนบทบาททางการเมืองก็ไม่เคยรุ่งเรืองถึงขั้นเป็นผู้ชี้นำเกมอีกต่อไป เขาทำได้เป็นเพียงผู้ที่สนับสนุน "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" เท่านั้น



ขณะที่เมื่อถึงคราวต้องทำพรรคการเมืองอีกครั้ง เขากลับไม่สามารถพา ส.ส. เกรดเอ มาร่วมพรรคได้ ซ้ำยังถูกปรามาสว่าเป็นพรรคที่หวังคะแนน "เบอร์สอง" เท่านั้น เพราะโอกาสที่จะชนะเลือกตั้งแบบแบ่งเขตนั้นดูริบหรี่ และต้องอาศัยกติกาเข้าช่วยหากหวังเก้าอี้ ส.ส.



แถมเขาก็กลับมาอยู่ในระดับเดียวกับคนร่วมตั้งพรรคไม่ว่าจะเป็น "ประสาร มฤคพิทักษ์" หรือ "สุริยะใส กตะศิลา" ใครจะนึกว่า "สุเทพ เทือกสุบรรณ" ผู้เคยเกรียงไกรจะต้องมาอยู่ในสถานะเช่นนี้



และใครเล่าจะรู้ว่าจากนี้ไปอนาคตทั้งทางการเมืองและทางส่วนตัวของ "สุเทพ" จะเดินไปทางไหน ที่แน่ๆ เขาก็มิอาจกลับเป็น "ลุงกำนัน" อันเป็นที่รักของใครหลายๆ คนจากการตระบัดสัตย์ครั้งนี้ และเขาก็ไม่อาจกลับเป็น "เทพเทือก" ผู้มากบารมีทางการเมืองอีกต่อไx



ไม่แน่หลังการเลือกตั้งครั้งหน้า ถึงไม่ประกาศเขาก็อาจจำต้องวางมือทางการเมืองจริงๆ เสียที

logoline