ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ไล่ติดตามเส้นทางการหลบหนีมาโดยตลอด จนกระทั่งทราบว่าได้ข้ามแม่น้ำโขง ด้านชายแดนจังหวัดนครพนม ไปยังประเทศลาว โดยมีลูกศิษย์สาวรายหนึ่ง ชื่อ "จ." เป็นผู้ให้การช่วยเหลือ ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการจับกุมลูกศิษย์สาวรายนี้เอาไว้ได้ ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง(ตม.) สะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 (นครพนม-คำม่วน)ฝั่งขาเข้า ขณะเดินทางกลับประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่า ก่อนที่ พระพรหมเมธี จะทำการหลบหนีนั้น ได้รับกิจนิมนต์จากญาติโยมรายหนึ่งที่ จ.พิษณุโลก จนกระทั่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ เข้าจับกุมผู้ต้องหาในคดีเงินทอนวัด พระพรหมเมธี จึงตัดสินใจให้คนขับรถ พาหลบหนีไปยังพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งระหว่างทางได้มีการติดต่อกับญาติโยมที่สนิทสนมกันหลายราย เพื่อปรึกษาหารือถึงคดีความที่เกิดขึ้น จากนั้นจึงตัดสินใจติดต่อไปยังลูกศิษย์ที่เชื่อใจรายหนึ่ง ให้วางแผนและกำหนดเส้นทางการหลบหนี
แหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน คดีเงินทอดวัด ยังระบุด้วยว่า ปฎิบัติการล้างดงพระเหลือง เหลือบไรศาสนา ตั้งแต่เริ่มปฎิบัติการ นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ได้เข้มงวดคดีนี้เป็นอย่างมาก และจะต้องดำเนินการไปตามกฏหมายทุกขั้นตอน โดยเฉพาะข้อมูลสำคัญๆ ซึ่งมีคำสั่งห้ามแพร่งพรายให้บุคคลภายนอกได้รับทราบโดยเด็ดขาด เนื่องจากคดีดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับบุคคล และกลุ่มบุคคล ค่อนข้างเยอะ ดังนั้น จึงเกรงว่าหากข้อมูลดังกล่าวรั่วไหลออกไป อาจทำให้ผู้ต้องหาไหวตัว และอาจมีการโยกย้ายถ่ายเททรัพย์สิน หรือเตรียมการหลบหนีเอาไว้ล่วงหน้า