เสียงสะท้อนจากเด็กๆ ผ่านติวเตอร์ชื่อดัง อาจารย์ปิง ดาว้องก์ บอกเล่าความรู้สึกกดดัน และเสียโอกาสจากระบบการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยแบบใหม่ หรือ TCAS
TCAS หรือ Thai University Center Admission เริ่มนำมาใช้ในปีการศึกษา 2561 เป็น แบ่งรอบการคัดเลือกทั้งหมด 5 รอบคือ รอบที่ 1. คัดเลือกโดยการส่งแฟ้มสะสมผลงาน รอบที่ 2. สมัครโควตาแบบมีสอบข้อเขียน สำหรับนักเรียนในพื้นที่ รอบ ที่ 3 การรับตรงร่วมกัน ซึ่ง กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย หรือ กสพท. ก็รวมอยู่ในรอบนี้ และเป็นปัญหาสำหรับเด็กที่ต้องการเรียนแพทย์ มีการแข่งขันสูงขึ้น ผู้ปกครองบางส่วนมองว่าเกิดการกั๊กที่เรียน
ปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้ ทปอ. เปิดรอบ 3/2 ตามคำขอของเด็กและผู้ปกครอง แต่ผู้ปกครองก็ยังกลัวว่าลูกจะไม่ได้เรียนตามคณะที่อยากเรียน
ทปอ.บอกว่า TCAS เป็นระบบการคัดเลือกที่ต้องการลดความเหลื่อมล้ำ กระจายโอกาสให้กับเด็กๆทั่วประเทศ นอกจาก รอบการคัดเลือกด้วยแฟ้มสะสมผลงาน โควต้านักเรียนในเขตพื้นที่ และรับตรงร่วมแล้ว ยังที่รอบที่ 4 คือการ แอดมิชชั่น โดยใช้องค์ประกอบของคะแนน คือเกรดเฉลี่ย, O-NET , GAT/PAT หรืออื่นๆ ซึ่งผู้สมัครสามารถเลือกได้ 4 สาขาวิชา และ รอบที่ 5 การรับตรงแบบอิสระ ซึ่งทางมหาวิทยาลัยสามารถใช้เกณฑ์การสอบที่จัดขึ้นเอง จึงมั่นใจได้ว่าเด็กๆ จะมีที่เรียนทุกคน
ตลอดเวลาเกือบ 50 ปีที่ผ่านมา ระบบการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยเปลี่ยนมาถึง 5 ระบบ นับตั้งแต่ปี 2504 ใช้ระบบ Entrance ที่สอบเข้าเพียงครั้งเดียวทั้งประเทศ ก่อนจะปรับเกณฑ์เพิ่มในปี 2542 คิดรวมเกรดเฉลี่ย ม.ปลาย และสอบ 2 ครั้งใช้คะแนนครั้งที่ดีที่สุด ต่อมาปี 2549 เปลี่ยนจากระบบ Entrance เป็น Admission ใช้เกรดเฉลี่ยร้อยละ 30 คะแนน โอเน็ต และ เอเน็ต
กระทั่งปี 2553 กำเนิดข้อสอบ GAT / PAT ใช้เป็นคะแนนเข้ามหาวิทยาลัย รวมกับ คะแนน โอเน็ต และมีระบบเคลียริ่งเฮาส์ เพื่อเคลียคนกั๊กที่เรียนให้เห็นว่าเหลือที่เรียนที่แท้จริง กี่ที่ ล่าสุด ปี 2561 เปลี่ยนมาเป็น TCAS ซึ่งรวมรูปแบบการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยที่ผ่านมาเกือบ 50 กว่าปีไว้ทั้งหมด เพื่อลดปัญหาเด็กวิ่งสอบ และสร้างความเท่าเทียมในระบบการศึกษา แต่ก็ยังไม่มีระบบการคัดเลือกแบบไหนที่ไม่เกิดปัญหา