svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ล็อต 4 เงินทอนวัด เน้นดำเนินคดี กลุ่มข้าราชการ

31 พฤษภาคม 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

จากกรณี รายงานข่าวจาก ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ขณะนี้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบการทุจริตงบประมาณสำนักงานพระพุทธศาสนา ล็อตที่ 4 ช่วง พ.ศ.2554 -2559 โดยมีเป้าหมาย 60 วัดทั่วประเทศ


 ขณะนี้ทำการตรวจสอบไปแล้ว 40 วัด พบเข้าข่ายทุจริต 30วัด และกำลังดำเนินการตรวจสอบวัดเป้าหมายที่เหลือ ซึ่งมีวัดที่มีชื่อเสียงในภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคกลางซึ่งเป็นวัดไม่เคยปรากฏในรายชื่อจากการดำเนินคดีทุจริตเงินทอน วัดล็อต1-3มาก่อน และผู้เกี่ยวข้องเป็นพระสงฆ์ระดับเจ้าคณะอำเภอ เจ้าอาวาส รวมถึงข้าราชการของ พศ. จึงต้องระวัดระวังในการสืบสวนครั้งนี้ และการให้ข่าวกับสื่อมวลชน



เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 31 พ.ค. ที่ห้องออดิทอเรียม ชั้น 2 โรงแรมเซ็นทราบายเซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ ถนนแจ้งวัฒนะ พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป. เปิดเผยความคืบหน้าการสืบสวนดำเนินคดีคดีทุจริตเงินทอนวัด ล็อต 4 ว่า ขณะนี้ ปปป. อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบวัดทั่วประเทศที่ได้รับงบประมาณจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มากกว่า 1 ล้านบาท ในช่วงปี 2555-2560 ทั้งนี้ทางปปป.ได้ดำเนินการตามปกติที่ได้ร่วมกับทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ในการลงไปสืบสวนงบประมาณในแต่ละปีว่ามีการทุจริตตรงไหนอย่างไรบ้าง 



ส่วนการตรวจสอบทุจริตเงินทอนวัดล็อต 4 นั้นไม่ได้มีการตรวจสอบวัดใดวัดหนึ่งเป็นพิเศษก็ทำตามปกติจะตรวจสอบทุกวัดที่มีงบประมาณลงไป จากงบประมาณที่ลงไปมากกว่า 1 ล้านบาทก็จะทำการตรวจสอบทั่วประเทศทุกปีตามกรอบที่วางไว้ ซึ่งงบประมาณปี 2555-2559 รวมถึงบางส่วนของปี 2560 หากพบว่ามีการกระทำความผิดก็จะรวบรวมไว้และแจ้งให้ทางผอ.พศ.ทราบ จากนั้นจะทำการตรวจสอบว่าเพียงพอที่จะร้องทุกข์ได้ ก็จะร้องทุกข์ตามขั้นตอน โดยทางพ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือ พศ. เข้าร้องทุกข์กับ ปปป. ให้ชัดเจนก่อน โดยขณะนี้ยังไม่ได้มีการร้องทุกข์ใดๆ ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่ายังมีการกระทำความผิดที่หลงเหลืออยู่ซึ่งจะรวบรวมและดำเนินการต่อไป ซึ่งตอนนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าวัดที่พบการทุจริตมีกี่วัดขอให้รอการตรวจสอบให้เรียบร้อย มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะร้องทุกข์ได้ เบื้องต้นจากการตรวจสอบทั่วทุกภาคในประเทศพบว่ามีการกระทำความผิด


พล.ต.ต.กมล เปิดเผยว่า การกระทำผิดในเรื่องการทุจริตงบประมาณของพศ.เป็นเรื่องที่ข้าราชการเป็นหลักที่ทุจริตเอางบประมาณของรัฐไปเป็นประโยชน์ของตนเองหรือผู้อื่น จะดูจากพฤติกรรมและตรวจสอบข้าราชการเป็นหลัก ส่วนจะมีบุคคลอื่นเข้าร่วมหรือไม่อย่างไรก็ต้องดูพยานหลักฐานมาประกอบ ทั้งนี้การตรวจสอบล็อตนี้ยังคงเน้นการดำเนินคดีกับกลุ่มข้าราชการที่ทุจริตเงินของรัฐเป็นหลัก ผู้ที่กระทำความผิดส่วนใหญ่ยังคงเป็นข้าราชการของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่ดำรงตำแหน่งในช่วงปี 2555-2560 ซึ่งถูกดำเนินคดีไปแล้วจากคดีทุจริตเงินทอนวัดก่อนหน้านี้ เพราะเป็นผู้มีอำนาจในการเบิกจ่ายและโอนเงินในช่วงดังกล่าว อย่างไรก็ตามล็อตนี้อาจยังไม่ใช่ล็อตสุดท้ายที่จะถูกดำเนินคดี เพราะ ปปป. จะต้องตรวจสอบไปจนกว่าจะไม่พบวัดที่กระทำความผิด


ส่วนกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. โอนสำนวนคดีเงินทอนวัด ล็อต 2 กลับมาให้ ปปป.ดำเนินการนั้น พล.ต.ต.กมล เปิดเผยว่า เป็นเรื่องดีที่ ป.ป.ช. มองเห็นศักยภาพการทำงานของ ปปป. อีกทั้งยังเป็นอำนาจหน้าที่ที่ ปปป. จะดำเนินการได้ ซึ่งหลังจากรับสำนวนกลับมาแล้ว ปปป.ก็จะดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยการส่งสำนวนให้กับอัยการพิจารณาได้ทันที


ทั้งนี้คดีเงินทอนวัด มีการดำเนินการไปแล้ว 3 ล็อต มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 340 ล้านบาท และเป็นการตรวจสอบทุจริตงบใน 3 งบประมาณ คือ งบบูรณะปฏิสังขรณ์และพัฒนาวัด งบอุดหนุนส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และเงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม โดยวัดสระเกศราชวรมหาวิหารที่ถูกดำเนินคดีในล็อตที่ 3 นี้ ถือเป็นการทุจริตงบสูงที่สุด กว่า 150 ล้านบาท


อย่างไรก็ตามล็อต1 ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ต้นปี พ.ศ.2560 จนสามารถทำสำนวนคดีทุจริตเงินทอนวัดได้ 12 คดี มีผู้ต้องหาที่มีหลักฐานพยานชี้ชัดว่าเกี่ยวข้องการเข้าร่วมทุจริตในครั้งแรกทั้งหมด


10 ราย มูลค่าความเสียหาย กว่า 61 ล้านบาท ต่อมาทางบก.ปปป. ได้ตรวจสอบงบประมาณฯตั้งแต่ปี 55-60 (ล็อต2) จนพบว่ามีวัดที่เข้าข่ายการกระทำความผิดทั่วประเทศไทยอีกถึง 476 วัด โดยทาง


ปปป.ได้ตรวจสอบแล้วพบการกระทำผิด 23 คดี รวมความเสียหายประมาณ 140 ล้านบาท ผู้ต้องหาจำนวน 19 ราย ส่วนในล็อต 3 รวม 10 วัด มูลค่า 140 ล้านบาท ทั้งนี้มีผู้ต้องหาสรุปรวมแล้วทั้งสิ้น 19 ราย ประกอบด้วยพระสงฆ์ 7 รูป ข้าราชการและอดีตข้าราชการ พศ. 10 คน แบ่งเป็นผู้ต้องหาเก่า 8 คน เพิ่มผู้ต้องหาใหม่ 2 คน เป็นระดับอดีตข้าราชการ รอง ผอ.พศ. 1 ราย และระดับหัวหน้าหน่วย 1 ราย รวมกับประชาชนที่มีส่วนรู้เห็น การทุจริตอีก 2ราย

logoline