นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่าปัจจุบันสถานการณ์ฟันผุของคนไทยค่อนข้างน่าเป็นห่วงจากการสำรวจคุณภาพช่องปากของคนไทย พบว่าเด็กอายุ 3 ขวบ ฟันน้ำนมยังขึ้นมาไม่นานก็เริ่มผุ จากนั้นพอเริ่มโตขึ้นอายุได้ประมาณ 5-6 ขวบ จะพบฟันผุได้มากขึ้นสำหรับช่วงวัยรุ่น จำนวนผู้ที่เป็นโรคฟันผุจะลดน้อยลงอาจเนื่องมาจากมีการใส่ใจไปพบหมอฟันในขณะที่วัยทำงานไปจนถึงผู้สูงอายุจะมีปัญหาฟันผุเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นการป้องกันฟันผุมีความสำคัญเป็นอย่างมากโดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุสูง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ
โดยสามารถป้องกันได้ด้วยวิธีดังนี้หมั่นสังเกตฟันด้วยตาเปล่าเพื่อตรวจหาบริเวณที่ผิวฟันเป็นรูฟันที่มีการเปลี่ยนเป็นสีดำหรืออาจมีอาการปวดฟันรับประทานอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลให้น้อยลง เช่น มันฝรั่งทอด ขนมขบเคี้ยว หลีกเลี่ยงขนมหวานที่เหนียวติดฟัน เช่น ทอฟฟี่ ผลไม้อบแห้ง และรับประทานอาหารเฉพาะมื้อหลักไม่รับประทานจุบจิบ
ทันตแพทย์บุญชู สุรีย์พงษ์ ผู้อำนวยการสถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่าฟันผุเกิดจากการมีเศษอาหารไปค้างอยู่ตามซอกฟันหรือมีน้ำตาลจากอาหารที่อยู่ในปากและสัมผัสกับฟันอยู่เป็นเวลานานจึงทำให้เชื้อแบคทีเรียที่อยู่บนแผ่นคราบฟันเกิดกระบวนการย่อยสลายเศษอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลให้กลายเป็นกรดแลคติกที่มีฤทธิ์ในการสลายแร่ธาตุซึ่งเป็นโครงสร้างของฟันจนทำให้ฟันผุกร่อนไปทีละน้อยจากชั้นเคลือบฟันภายนอกเข้าไปในเนื้อฟันจนทะลุถึงชั้นโพรงประสาทฟัน ซึ่งจะทำให้เกิดอาการปวดฟัน หรือฟันอักเสบเป็นหนอง เป็นกระบวนการเริ่มต้นของโรคฟันผุ
ดังนั้นจึงควรรักษาสุขภาพช่องปากหมั่นพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและฟันเป็นประจำทุก 6-12 เดือน เพื่อจะได้ตรวจพบฟันผุตั้งแต่ในระยะแรก ๆ ที่ยังไม่มีอาการและสามารถรักษาให้หายก่อนที่โรคจะลุกลามมากขึ้น รวมไปถึงการตรวจช่องปาก ขูดหินปูน และทำความสะอาดฟัน ซึ่งจะช่วยลดการเกิดโรคฟันผุช่วยป้องกันและยับยั้งปัญหาในช่องปากและโรคฟันอื่นๆนอกจากนี้ควรแปรงฟันให้ถูกวิธีอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งในตอนเช้าและก่อนนอน หรือถ้าเป็นไปได้ควรแปรงทุกครั้งหลังรับประทานอาหารซึ่งรวมถึงหลังอาหารมื้อเที่ยงและควรใช้ไหมขัดฟันเพื่อช่วยทำความสะอาดซอกฟันที่ขนของแปรงสีฟันเข้าไปไม่ถึงหรือหลังรับประทานอาหารทุกครั้งควรบ้วนปากในทันที