ปลายเดือนพฤษภาคมปี 2561 ไทยเข้าสู่ฤดูฝน อย่างเป็นทางการแล้ว ตั้งแต่ 26 พ.ค. 2561 ปีนี้ฤดูฝนมาช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่หลังจากที่ไทยมีฝนตกชุกต่อเนื่อง ลมระดับล่างที่พัดปกคลุมประเทศไทยเปลี่ยนเป็นลมตะวันตะวันตกเฉียงใต้ พัดนำความชื้นจากทะเลอันดามันเข้าปกคลุม ส่วนลมระดับบนเปลี่ยนเป็นลมฝ่ายตะวันออก จึงทำให้กรมอุตุประกาศเข้าฤดูฝนเป็นทางการ คาดว่าฤดูฝนปีนี้ ปริมาณฝนจะน้อยกว่าค่าปกติ เพราะเป็นปีที่อยู่ในสภาวะเป็นกลาง แตกต่างจากปีก่อนๆ เป็นเป็นปีทื่ เผชิญ ลานินญ่า ฝนมาก-น้ำมาก
กรมอุตุ ประเมินว่า จะเกิดฝนทิ้งช่วงเดือนมิถุนายน ถึง กลางเดือนกรกฎาคม ซึ่งจะส่งผลทำให้น้ำไม่เพียงพอในพื้นที่นอกเขตชลประทาน แต่ในภาพรวม อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา วันชัย ศักดิ์อุดมไชย มั่นใจว่า จะไม่เกิดภัยแล้ง ฤดูฝนจะสิ้นสุดกลางเดือนตุลาคม ภาคใต้โดยเฉพาะฝั่งตะวันออกจะยังมีฝนจนถึงเดือนธันวาคม
เปิดสถิติดูฝนปี 60 พายุเข้าไทย 3 ลูก
ปีที่ผ่าน 2560 มีการคาดการณ์ 1-2 ลูก เช่นเดียวกัน แต่ปรากฎว่าตลอดทั้งปีมีพายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนเข้าสู่ไทยโดยตรงช่วงฤดูฝน 3 ลูก โซนร้อน 2 ลูก คือ พายุโซนร้อน "ตาลัส ซึ่งเคลื่อนเข้าสู่ไทยบริเวณจังหวัดน่าน ในวันที่ 17 กรกฎาคม และ ไต้ฝุ่น "ทกซูรี ซึ่งเคลื่อนเข้าบริเวณบึงกาฬ 15 กันยายน ส่วนอีก 1 ลูกคือพายุโซนร้อน "เซินกา เคลื่อนเข้าสู่ไทยจังหวัดนครพนม 25 กรกฎาคม ขณะมีกำลังแรงเป็นพายุดีเปรสชัน อีกทั้งไทยยังได้รับอิทธิพลจากพายุหมุนเขตร้อนที่ถึงแม้จะไม่ได้เคลื่อนเข้าสู่ไทยโดยตรง แต่ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงก่อนเคลื่อนเข้ามาปกคลุมบริเวณประเทศไทย และ บริเวณใกล้เคียง อีก 8 ลูก ได้แก่พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนที่เคลื่อนผ่านประเทศเวียดนามตอนบนเข้ามาสลายตัวบริเวณประเทศลาวตอนบนในช่วงต้นเดือนตุลาคม และ ไต้ฝุ่น"ขนุน ที่เคลื่อนเข้ามาสลายตัวบริเวณอ่าวตังเกี๋ยในช่วงกลางตุลาคม จากนั้นในเดือนพฤศจิกายนไต้ฝุ่น "ด็อมเร็ย ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมด้านตะวันตกกัมพูชา วันที่ 5 พฤศจิกายน โดยในเวลาใกล้เคียงกันมีพายุดีเปรสชันบริเวณอ่าวไทย 2 ลูกที่อ่อนกำลังลง เป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง แล้วเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคใต้ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน และ พายุโซนร้อน "คีโรกี ที่อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงก่อนเคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศกัมพูชาและอ่าวไทยตอนบนในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน พายุโซนร้อน "ไคตั๊ก" ที่เคลื่อนเข้ามาสลายตัวบริเวณประเทศมาเลเซีย และไต้ฝุ่น "เท็มบิน" ที่อ่อนกำลังเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำแล้วเคลื่อนเข้าปกคลุมอ่าวไทยในช่วงปลายเดือนธันวาคม
มั่นใจไม่เผชิญอุทกภัยรุนแรง
จากสถานการณ์อุทกภัยปี2554 และ ปี 2561 ที่ผ่านมาทำให้บทเรียนจากการบริหารจัดการน้ำ อีกทั้งการบริหารจัดการน้ำมีเครื่องมือ บริหารจัดการที่เป็นระบบมากยิ่งขึ้น กรมอุตุนิยมวิทยา จึงเชื่อว่า อุทกภัยรุนแรงจึงไม่น่าเป็นห่วง ส่วนพื้นที่ ที่น่าเป็นห่วง คือ ป่าเขา ภัยจากฝนตกหนักที่เกิดจากดินโคลนถล่ม ในพื้นที่ภาคเหนือ ที่ป่าไม้ถูกทำลาย เช่นเ ดียวกับภาคตะวันออก และ เขตเมืองกรุงเทพหมานคร ที่อาจเผชิญน้ำท่วมขังรุนแรงเป็นบางช่วง เพราะการพัฒนาเมืองสิ่ง ปลูกสร้าง สิ่งแวดล้อม ที่เปลี่ยนแปลงไป
"ทั้งหมดเป็นการคารณ์ระยะยาว แต่คงต้องจับตาสภาพอากาศในระยะอันใกล้อีกครั้ง ฝนที่ตกลงมาจะหนักนาแค่ไหน เพราะธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงไป ย่อมส่งผลให้เกิดภัยพิบัติที่รุนแรงขึ้นทุกปี"