"เล็ก บุษบา" ลั่น! ไร้ปัญหากับ "ฉอด สายทิพย์"

ขึ้นแท่นเป็นแม่ทัพหญิงคนใหม่ให้กับทางช่องจีเอ็มเอ็ม 25 สำหรับ "เล็ก"บุษบา ที่ต้องมารับไม้ต่อจาก "ฉอด"สายทิพย์ อดีตแม่ทัพคนแรกของสถานี ซึ่งล่าสุดทาง "ฉอด" หันไปตั้งบริษัทใหม่เพื่อทำหน้าที่คอนเทนส์โปรไวเดอร์อย่างสมบูรณ์ ล่าสุด "บันเทิง คมชัดลึก"ได้มีโอกาสพบกับ "เล็ก" บุษบา ในงานแถลงข่าวคอนเสิร์ต "I AM MAI Concent" ที่ตึกแกรมมี่จึงต้องถามไถ่

"สนุกดี ส่วนตัวเราๆ เป็นคนทำงานแนวทีมเวิร์คนะ เพราะฉะนั้นช่วงนี้เราจึงมีหมู่มวลมากมายมาช่วยกัน เพราะว่างานตรงนี้เป็นงานกลุ่มพิเศษนะ คอนเทนส์ของช่องประกอบไปด้วยไม่ว่าจะเป็นเพลงหรือละคร ข่าวมันต้องการกลุ่มที่เป็นพิเศษในแต่ละด้าน ในช่วงนี่จึงเป็นช่วงที่รวบรวมสมัครพรรคพวกหรือกูรูทั้งหลาย แกรมมี่อยู่มาถึงวันนี้ 30 ปีเรามีหลายพันธมิตร เรารู้ตรงไหนใครถนัดด้านไหน จึงเป็นช่วงรวบรวมกูรู (กับการทำงานในครั้งนี้เหนื่อยมากน้อยขนาดไหน) สนุกนะ ยังไม่เหนื่ิอยมัันเป็นจิตอีกแบบหนึ่งนะ (หัวเราะ)"

@@ ที่ผ่านมาดูแลและบริหารสายเพลงมาโดยตลอดและเมื่อมาดูแลสายงานทางโทรทัศน์ล่ะ มีความแตกต่างมากน้อยขนาดไหน

"เราเรียนรู้ว่าไม่ว่าจะทำเพลงหรือทำใดๆนะ อยู่เป็นซีิีอีโอกรุ๊ปนะ ในการทำงาน สมมุติว่าไม่ว่าเราจะอยู่ในเรื่องของหนังหรือเพลง เราค้นพบว่าเมื่อเราเป็นคอนเทนส์โปรไวเดอร์ มันเป็นเรื่องที่เราเฟ้นหา คัดเลือก ถามว่าภารกิจหลักของเราจริงๆ คือการรวบรวม เรื่ิิองราวคนที่มีฝีมือของแต่ละด้าน จึงเลยว่าสนุกมาก

@@ หลายคนจับตามองในการขึ้นมารับตำแหน่งรักษาการ ถือว่าเป็นความหวังใหม่ของช่องจีเอ็มเอ็ม25

"เรียกว่าเป็นความหวังของคนทั้งวงการดีกว่านะ(หัวเราะ)เวลาทำเราจะคิดเสมอว่าสิ่งที่เรานำมาดัดแปลงใช้ในชีวิตประจำวัน คือเราก็คือการสร้างมุมอาชีพในแต่ละด้าน เราอาจจะถูกปลุกฝังกับคุณไพบูลย์ (ดำรงชัยธรรม) มาแต่เล็กแต่น้อย วัยเยาว์นะ ไม่ว่าจะทำอะไรคุณไพบูลย์จะให้แนวคิดว่าเป็นที่หนึ่ง ในเวลาเดียวกันเรามีสำนึกเพื่อวิชาชีพของเรา เพื่อประเทศชาติของเรา เพราะฉะนั้นเรามองว่าตอนนี้เรามีโอกาสที่จะพบคนใหม่ๆแล้วเปิดโอกาสให้เขาได้แสดงฝีมือ เราเลยรู้สนุกมากที่มีส่วนในการเปิดโอกาสให้คนเก่ง ไม่ว่าจะเป็นเดอะเบสท์ทางด้านไหน เรามองว่าโลกมันเปลี่ยนเป็นคอนเทนส์ครีเอเทอร์และคอนเทนส์โปรไวเดอร์ เพราะเราอยู่มาวันนี้จนถึง30ปีเพลงของเราจนคนอินเลิกกันไปหมดแล้ว เรายังอยู่ เพลงไม่มีวันตาย หรือสมมุติว่าหนัง ฝั่งจีดีเอช เขาเติบโต เขามุ่งเป็นคอนเทนส์โปรไวเดอร์ ตรงพี่บอย(ถกลเกียรติ วีรวรรณ)ทีี่ทำของเรามานั้นอ่ะ ซีรีส์หรือที่พี่ฉอดเขามีรายเซ็นต์อีกอัน ค้นพบว่าทุกๆคอนเทนส์มีทาเก็ตกรุ๊ปที่ใช่อยู่ เรามีหน้าจัดสรร"

@@ เมื่อการแข่งขันของดิจิทัลทีวีมีคู่แข่งเยอะ และมีเจ้าประจำอยู่แล้ว การตีตลาดของจีเอ็มเอ็มยากมากน้อยขนาดไหน

"มันก็ดีที่สุดนะ (ยิ้ม) จริงๆแล้วเรารู้สึกว่าจะทำอะไรก็ขอทำให้ดีเลิศก่อน แล้วทุกอย่างก็จะตามมา คือสมองมันสอนพี่ให้คิดอะไรโฟกัสไปก่อน ถ้าคิดแล้วระแวงหรือระวังหลายสิ่ง มันก็จะไม่คม"

@@ กดดันไหมแบกรับช่องจีเอ็มเอ็ม 25

"กลับไปคำว่าทีมเวิร์ค เพราะไม่ว่าเราจะทำอะไร เราไม่ใช่ข้ามาคนเดียว จะเป็นแนวว่าต้องมีการมาซัพพอร์ตด้านนั้นด้านนี้(แปลว่าไม่ได้มารักษาการแค่ตำแหน่งอย่างเดียวแต่มาบริหารด้วย)เรียกว่าร่วมด้วยช่วยกัน เพราะอย่างที่บอกเรารู้ว่าเรามีหน้าที่อยู่ตรงไหน หน้าที่หลักๆของเราคือการรวบรวมบุคคลากร หรือพันธมิตรต่างๆ มีประสบการณ์ในด้านนี้และในขณะเดียวกันเราต้องแบ่งแยกหน้าที่ เราเชื่อว่าการบริหารจัดการมันต้องมีภาครวม และแนวลึก และสนุกดี

@@ เมื่อไหร่จะเห็นโปรเจกท์ทีี่อยู่ภายใต้การดูแลของเล็กล่ะ

"จริงๆต้องดูไปเรื่อยๆนะ มันมีช่วงของการเปลี่ยนไปเลยมันจะมีหลายวิธีการเปลี่ยนไปเลยไม่ได้ ติดตามตอนต่อไป (ต่อไปจีเอ็มเอ็ม25จะเป็นแนวใหม่ไหม) อย่างที่เราเคยเกริ่นนะว่าเราจะคิดเองเออเองมันก็ไม่ใช่ เพราะมันต้องมีการริเสิร์ช และฝั่งนู้นนี้นั่นและกลยุทธ์ในตอนแรกของการเริ่มต้นช่องคนรุ่นใหม่แบบกลุ่มนั้นไปเลย เราคิดว่าถ้าขึ้นกลางค้างคามันจะไม่ได้อะไร ถ้าจะไปต้องไปให้สุด แต่มาค้นพบว่ามาถึงจุดหนึ่งนี้คือทีวีเมื่อเป็นทีวีเราจะค้นพบว่าการกำหนดทาเก็ตกรุ๊ปแบบเซ็กเม้นท์อย่างเดียวนั้นมันจะไม่เหมาะกับการเป็นทีวีๆ ต้องคำนึงถึงความเป็นแมสแล้วมันจะหมายถึงเรตติ้ง หมายถึงสปอนเซอร์ แต่การมีจุดยืนก็ต้องมีอยู่ด้วย เพราะฉะนั้นหมายถึงรอยต่อที่เราต้องปรับเปลี่ยน ในเวลาเดียวกันการสตาร์ทแบบเซ็กเม้นท์นั้น.เรตติ้งเราอาจจะไม่เยอะ แต่ในแง่ของออนไลน์ เราเป็นที่นิยมมากเพราะว่ามันสอดคล้องกับพฤติกรรมการดูของคนที่ดูเรา ๆ เลยเอาทั้งหมดทั้งปวงนั้น ข้อถูกหรือข้อผิดนั้นอะไรที่เราจะพัฒนาต่อ อย่างที่เราบอกว่า เมื่อเรามองว่าจะเป็นสถานีโทรทัศน์เราต้องทำทาเก็ตที่เป็นแมส โดยที่กลุ่มเดิมเรายังรักษาได้ควบคู่กันไปด้วย"

@@ตั้งแต่รักษาการ เห็นเรตติ้งแล้วไม่เครียดใช่ไหม

"เราพูดมาตลอดและเราพูดจริิงนะ เรามักจะบอกกับทุกคนว่าเราทำงานเอ็นเตอร์เทน ต้องเริ่มจากตัวเราก่อน ถ้าเราเครียดเราต้องพักก่อน อันนี้มันเป็นจิตวิญญาณ เพราะเราว่างานทุกงานที่เราทำคอนเทนส์มันต้องทำจากใจรักมากๆ ใจสุขอย่างนี้นะ"

@@กับทางผู้ถือหุ้นละ จะมีความสุขไปกับเราหากเรตติ้งยังไม่กระเตื้อง

"ไม่หรอก เมื่อเวลาที่เราทำงานมันต้องมีเคพีไอแน่นอน อันนี้ืทำเพื่อเรตติ้ง อันนี้ทำเพื่อรายรับ อันนี้ทำเพื่อๆ ทุกสิ่งอย่างมันมีเคพีไอ แล้วเราโชคดีนะที่ผู้ถือหุ้นของเราเข้าใจทั้งศาสตร์และศิลป์ของคนทำงานด้านครีเอทีฟเป็นอย่างมาก (ไม่ได้เน้นเรื่ิองการตลาดอย่างเดียว)ไม่ได้มอง เพราะว่าในหลายสิ่งอย่างเนี่ย เรามองไปถึงแน่นอนว่าการเป็นสื่อ นอกเหนือจากการทำคอนเทนส์เพื่อเรตติ้งเพื่อยอดขายแล้ว มันก็รวบไปถึงการทำซีเอชอาร์ รวมไปถึงการมีสำนึกต่อวิชาชีพต่อสังคม เรามองว่าผู้ถือหุ้นของเรามองควบคู่กับสิ่งนี้ไปด้วย ในเวลาเดียวกันเรายังเป็นสนามของมืออาชีพได้มาสร้างงาน เราว่าทุกคนต้องการโอกาส อยู่ๆดีมันเสกไม่ได้ว่าออกไปเรตติ้ง 10 แต่ขอให้ทำด้วยจิตใจที่ตั้งมั่นให้ออกมาให้ดี แล้วเราก็ช่วยกันปรับไป"

@@ตอนนี้จีเอ็มเอ็ม25เปิดรับทุกบริษัทที่อยากจะมาร่วมงานกับเรา

"ใช่นะ เราคิดว่าที่นี้คือที่ศูนย์รวมสุดยอดกูรูสุดยอดฝีมือกันดีกว่า( ถามว่าต้องรื้อเยียร์แพลนที่ "ฉอด"สายทิพย์ ทำไว้ไหม)จริงๆแล้วการทำสถานีต้องปรับกันอยู่แล้วนะ (ปรับ 3 เดือน 6เดือน) ใช่นะ ปรับกันตามธรรมชาติ จริงๆเดี๋ยวนี้มันก็สอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้าเองไม่ได้แพลนอะไรยาวมาก เราว่ามันเป็นไปตามธรรมชาตินะ รายการเป็นแบบซีซั่นก็เยอะ ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรเป็น 52 สัปดาห์มันไม่ใช่นะ"

@@ได้คุยกับ"ฉอด"สายทิพย์บ้างไหม หลังจากมีข่าวออกมา หลายคนตีความไปแล้วว่ามีปัญหากัน

"ไม่มีนะ คืออย่างนี้เราจึงต้องย้อนกลับมาที่การบริหารจัดการขององค์กรเราคุณไพบูลย์ใช้คำว่าฟุตเวิร์คเสมอ ในวันหนึ่งที่เราประมูลมาได้้เราคิดว่าเป็นวันที่เราต้องทำธุรกิจสื่อ แต่พอทำไปเมื่อเทคโนโลยีมันเปลี่ยนเราก็กลับมาเป็นตัวเรา ๆอยู่มา30ปี จุดแข็งของเราคือการเป็นคอนเทนส์โปรไวเดอร์ แล้วเรามีบทพิสูจน์ทราบ ไม่ว่าหน่วยบริษัทของพี่ถา (สถาพร พานิชรักษาพงส์) เวลาที่เราประชุมกันเราจะเห็นว่าจีเอ็มเอ็มทีวีของพี่ถาก้าวไกล พวกเรายังพูดกันที่ประชุมว่าเป็นทางพี่ถาดีกว่า มาถึงจุดหนึ่งพี่ฉอดมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง เราจึงให้พี่ฉอดทำคอนเทนส์จริงจังถูกต้อง"

@@มองดูแล้วการที่ฉอดเปิดบริษัทใหม่ไม่กลัวทับไลน์กับของเรารึ

"ไม่เลย คุณไพบูลย์บริหารงานเราอยู่กันมา 30 ปี บริหารแบบเปิดกว้างมาก เพราะว่าทุกคนมีแนวทางของตัวเอง มีรายเซ็นต์ของตัวเอง คุณไพบูลย์ยังนั่งมองเลยว่าถ้ามานั่งรวมๆกันก็จะพูดเหมือนๆกัน ไม่แตกต่าง สู้ให้ทุกคนได้ออกไป แล้วให้ทุกคนออกไปทำสิ่งที่ถนัดจะดีมาก (กลัวสมองไหล) แต่ทางพี่ฉอดอยู่กับเรา (แต่ว่าทางฉอดสามารถไปทำคอนเทนส์ให้ที่อื่นได้)ไม่เป็นไรเลย ทูบีแฟร์ ถ้าหากเรามีชั่วโมงในการทำละครเท่านี้ แต่ว่าพี่ฉอดมีกำลังผลิตมากกว่า ทำไมเราต้องกั๊กไว้ (พูดง่ายๆถ้าเงินเข้าบริษัทเราแฮปปี้) ท้ายที่สุดไหลมารวมกัน (วิทยุและเอไทม์โชว์บิทล่ะ) ก็มีพี่สมโรจน์อยู่ ทีีผ่านมาเขาดูแลกันอยู่แล้ว( ลูกค้าไม่ติดแบรนด์ความเป็นฉอดหรือเปล่า) ไม่หรอกนะ ลูกค้าดูงานแล้วเรื่องของเรื่องเราไม่ได้มีปัญหาเรื่องส่วนตัวกัน เรายังคุยแลกเปลี่ยน ทุกวันนี้เรายังคุยกับพี่ฉอด ๆ ติดขัดอะไรใดๆก็ยกหากัน"

@@เราจะเห็นการเปลี่ยนระบบการทำงานภายใต้การดูแลของเล็กเมื่อไหร่

"ค่อยๆดูไป เราไม่ใช่มนุษย์พิเศษ ต้องติดตามไปเรื่อยๆ ทุกวันนี้ประชุมวันๆหนึ่งก็เยอะ"