ขณะที่นักลงทุนเริ่มจับตามองภาระหนี้ต่างประเทศของอิตาลีประเภท Sovereign Bonds ที่มีจำนวนสูงถึง 350,000 ล้านยูโร ในจำนวนนี้ราว 10% มีต้นทุนความเสี่ยงทางการเงินสูงกว่า Sovereign Bonds ขอวเยอรมนี 3.7% และสูงกว่า Sovereign Bonds ของฝรั่งเศส 2.2%
ล่าสุด ธนาคารกลางอินโดนีเซียได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในตลาดซื้อคืนพันธบัตร (Repo) ระยะ 7 วันอีก 0.25% สู่ระดับ 4.50% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ถือเป็นครั้งแรกรอบ 4 ปีนับจากปี 2014 เพื่อดูแลในเรื่องเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
1. บรรยาการศการลงทุนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทกลับมาคึกคักอีกครั้งเมื่อวันจันทร์ นักลงทุนตื่นซื้อหุ้นวอลล์สตรีท หลังสงครามการค้าถูกยืดเวลาออกไป ส่งผลหุ้นภาคอุตสาหกรรมสหรัฐมีแนวโน้มที่สดใสในปี 2018 นี้ นำโดยหุ้นโบอิ้งซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ให้กับจีนมีราคาพุ่งขึ้น 3.6%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 25,013 พุ่งขึ้น 298.20 จุด หรือ 1.21% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,733 เพิ่มขึ้น 20.04 จุด หรือ 0.74% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,394 เพิ่มขึ้น 39.70 จุด หรือ 0.54%
2. สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลีงสหรัฐ เปิดเผยว่า สหรัฐและจีนได้ตกลงที่จะยุติสงครามการค้าชั่วคราว โดยที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการกำหนดกรอบการดำเนินงาน และการแก้ไขกฎระเบียบการลงทุนที่เอื้อต่อการค้าระหว่างกัน รวมถึงการแก้ไขปัญหาการค้าเพื่อลดการขาดดุลของสหรัฐ
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายจะยังคงเจรจากันเกี่ยวกับการที่จีนจะนำเข้าพลังงานและสินค้าเกษตรจากสหรัฐมากขึ้น เพื่อลดการเกินดุลการค้าสินค้าและบริการที่มีต่อสหรัฐมากถึงปีละ 335,000 ล้านดอลลาร์
3. นอกเหนือจากราคาหุ้นโบอิ้งที่พุ่งขึ้นแล้ว หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมของสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นแรง ทั้งหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ดีดตัวขึ้น 2.1% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์พุ่งขึ้น 2.2% หุ้นไมครอน เทคโนโลยีส์ พุ่งขึ้น 3.9% หุ้น GE ปรับตัวขึ้น 1.9% แต่หลังประกาศแผนควบรวมกิจการกับเว็บเทคซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์สร้างทางรถไฟ ส่งผลราคาหุ้นเว็บเทคพุ่งขึ้น 3.5%
รวมถึงหุ้น Tesla ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดได้ของสหรัฐพุ่งขึ้น 2.8% หลังประกาศเปิดตัวรถยนต์รุ่น Model 3
4. ล่าสุด ต้นทุนการกู้ยืมเงินของอิตาลีมีอัตราความเสี่ยงพุ่งขึ้นอยู่ในอัตราเดียวกับอินโดนีเซียเนื่องจากปัญหาความเสี่ยงการเมืองในประเทศ รวมถึงภาระหนี้ต่างประเทศของอิตาลีที่เป็น Sovereign Bonds มีจำนวนสูงถึง 350,000 ล้านยูโร ในจำนวนนี้ราว 10% มีต้นทุนความเสี่ยงทางการเงินสูงกว่า Sovereign Bonds ขอวเยอรมนี 3.7% และสูงกว่า Sovereign Bonds ของฝรั่งเศส 2.2%
ผลกระทบจากอัตราความเสี่ยง Sovereign Bonds ของอิตาลี ทำให้อัตราความเสี่ยงของกลุ่มประเทศในตลาดเกิดใหม่ถูกจับตามากขึ้น เนื่องจากบรรดาธนาคารกลางของกลุ่มประเทศในตลาดเกิดใหม่กำลังทบทวนในนโยบายการเงินที่มีแนวโน้มจะเข้มงวดมากขึ้น ซึ่งในที่สุดก็อาจจะทำให้ธนาคารกลางหลายแห่งจำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้
5. โดยพบว่า ธนาคารกลางอินโดนีเซียได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในตลาดซื้อคืนพันธบัตร (Repo) ระยะ 7 วันอีก 0.25% สู่ระดับ 4.50% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ถือเป็นครั้งแรกรอบ 4 ปีนับจากปี 2014
โดยเหตุผลขแงการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้ เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และปกป้องเงินรูเปียะห์ไม่ให้อ่อนค่าลง