svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

รายย่อยนับถอยหลัง "ไอเฟค" ถูกเพิกถอน

22 พฤษภาคม 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

นางสาวเยาวลักษณ์ ฤทธิ์สมจิตต์ ในฐานะตัวแทนผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ได้รับความเดือดร้อนจากการลงทุนในหุ้น บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC เปิดเผยถึงกรณีที่ นายศุภนันท์ ฤทธิไพโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารไอเฟค แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา

โดยอ้างคำวินิจฉัยของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่องการประชุมคณะกรรมการในกรณีที่ไม่มีประธานกรรมการหรือมีแต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่และการดำเนินการในกรณีที่ตำแหน่งกรรมการว่างลงจนไม่ครบองค์ประชุม ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ.2535 ว่า กรรมการที่เหลืออยู่ย่อมสามารถที่จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการเพื่อให้การบริหารจัดการงานต่างๆ ของบริษัทสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ จึงมีผลให้การประชุมคณะกรรมการบริษัทฯที่ผ่านมาที่ได้มีการแต่งตั้งกรรมการแทนกรรมการที่ออกจากตำแหน่งนั้น ชอบด้วยกฎหมาย


โดยอ้างว่า บริษัทได้นำมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทไปจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการเข้าใหม่ 2 คน เพิ่มเติมต่อนายทะเบียนบริษัทมหาชนจำกัด กรมพัฒนาธุรกิจการค้าแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการของนายทะเบียน ได้แก่ 1. แต่งตั้งนายวิภู มหารักขกะ แทน นางสาวประนอม โฆวินวิพัฒน์ ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 6/2560 เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2560 2. แต่งตั้งนายมนูศักดิ์ เดียววาณิชย์ เป็นกรรมการแทนนายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ (ฉุกเฉิน) ครั้งที่ 4/2560 เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2560


พร้อมกับยืนยันว่า ปัจจุบันบริษัทคงเหลือกรรมการ จำนวน 6 คน คือ 1.นายศุภนันท์ ฤทธิไพโรจน์ 2. นายฉัตรณรงค์ ฉัตรภูติ 3. พลตรีบุญเลิศ แจ้งนพรัตน์ 4. นายวิภู มหารักขกะ 5. นายมนูศักดิ์ เดียววาณิชย์ 6. นายธีติพันธ์ เทพผดุงพร ในส่วนของนายธีติพันธ์ เทพผดุงพร (ตามมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2560) อยู่ระหว่างการรอให้ศาลมีคำพิพากษาดดีถึงที่สุด


นางสาวเยาวลักษ์ กล่าวว่า จดหมายแถลงการณ์ของบริษัทฯขัดกับทางข้อวินิจฉัยของ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และกระทรวงพาณิชย์ ที่ออกมายืนยันพร้อมกับทำหนังสือรับรองว่าบอร์ดเหลือเพียง 3 คน เท่านั้น จึงต้องเร่งจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อเลือกกรรมการ


"ไอเฟคเสี่ยงที่จะถูกเพิกถอนออกจากตลาดหุ้นในไม่ช้า มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ปัจจุบันเหลืออยู่ 6.1 พันล้านบาท คงกลายเป็นแค่เศษกระดาษ นักลงทุนรายย่อยกว่า 3 หมื่นคน บางคนอาจถึงขั้นสิ้นเนื้อประดาตัว เพราะนำเงินก้อนสุดท้ายในชีวิตมาลงทุนในหุ้นไอเฟค "

logoline