svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เจาะประเด็นร้อน

4 ปีเว้นวรรคประชาธิปไตย เสียของไหม?

21 พฤษภาคม 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

4 ปีแห่งการยึดอำนาจ "เว้นวรรคประชาธิปไตย" โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ได้เข้ามายึดอำนาจและตั้งตนเป็นผู้นำรัฐบาลเป็นระยะเวลาที่เนิ่นนานไม่น้อย (อย่างน้อยก็นานกว่ารัฐบาลเลือกตั้ง) เพราะมีแนวโน้มว่ารัฐบาลนี้จะอยู่ในอำนาจไปจนถึงเดือนเมษายนปีหน้า (เพราะหากมีการเลือกตั้ง ก.พ. 2562 กว่าจะตั้งรัฐบาลใหม่ได้คงใช้เวลาอีกไม่ใช่น้อย)

นั่นหมายความว่าอยู่เกินเทอมของรัฐบาลเลือกตั้ง เพียงแต่รัฐบาลยึดอำนาจไม่มีเทอมกำหนดตายตัวเท่านั้น จะอยู่สั้นอยู่ยาวหาใช่ประเด็น ประเด็นอยู่ที่การอยู่ในอำนาจนั้นได้สร้างคุณูปการให้แก่ประเทศหรือมาสร้างโอกาสให้ตนเองและคณะ เป็นสิ่งที่พึงพิจารณา



ต้องยอมรับว่าก่อนการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ประเทศไทยอยู่ในภาวะที่ "บอบช้ำ" จากการแย่งชิงอำนาจ สร้างมวลชนต่อสู้กันของพรรคการเมือง จนเกิดภาวการณ์ "แตกแยกอย่างรุนแรง" ถึงขั้นมีกองกำลังมีการฆ่ากัน อย่างไม่เคยเป็นมาก่อนในประวัติศาสตร์ เพียงเพราะการ "แย่งอำนาจ" กันเท่านั้น



การที่คณะนายทหารภายใต้ชื่อย่อว่า "คสช." เข้ามายึดอำนาจ สิ่งที่ดีที่สุดในเวลานั้นคือการหยุดการห้ำหั่นและความแตกแยกกันได้สนิท (แม้บางความเห็นอาจจะแย้งว่าเป็นการพักยกเท่านั้นก็ตาม) แต่ทำให้ภาพการยุติความขัดแย้ง และ "ปิดเทอม" การเมืองในครั้งนั้นสร้างโอกาสความเชื่อมั่นในการลงทุน การท่องเที่ยวในประเทศได้ระดับหนึ่งเลยทีเดียว สิ่งนี้ต้องยกให้เป็นผลงานชิ้นสำคัญของการออกมาห้ามทัพการ "ฆ่ากัน" ณ วันนั้น



ส่องครึ่งทางแรกแห่งการครองอำนาจจากการรัฐประหาร ดูเหมือนการเดินตามโรดแม็พในการปฏิรูปประเทศได้รับเสียงสนับสนุนจากหลายฝ่าย กลุ่มที่ตั้งธงในการคัดค้านไม่อาจฝ่ากระแสออกมาเต้นแร้งเต้นกาขวางโรดแม็พเหล่านั้นได้ การบริหารงานจึงเป็นไปด้วยความราบรื่น



แต่ครึ่งหลังของอำนาจจากปลายกระบอกปืนเริ่มสั่นคลอน เพราะระยะเวลาที่เนิ่นนานทำให้อารมณ์ "เบื่อ" เกิดขึ้น ประกอบกับการเปลี่ยนมือคอร์รัปชั่น การเรียกรับผลประโยชน์ จาก "นักการเมือง" มาเป็น "ข้าราชการ" แทน เพราะพรรคราชการกุมอำนาจเบ็ดเสร็จ แต่การทุจริตคอร์รัปชั่นหาได้ลดลงไม่ รวมทั้งไม่มีการจัดการขั้นเด็ดขาดกับการกระทำดังกล่าว ทั้งที่มี "อำนาจ" อยู่เต็มมือ จึงทำให้เกิด "ความเสื่อม" ในคณะผู้ยึดอำนาจเสียเอง



จึงไม่น่าแปลกใจที่ช่วงครึ่งเวลาหลังของการกุมบังเหียนอำนาจจะมีความพยายาม "จุดไม้ขีดไฟ" แห่งการโค่นล้ม คสช. ออกมาเป็นระยะๆ และจะค่อยๆ ทวีความรุนแรงขึ้น แต่จะถึงขั้น "จุดติด" ไหม ขึ้นอยู่กับการปลุกกระแสของฝ่ายโค่นล้ม และการบริหาร "อำนาจ"ของ คสช.เอง ถ้าบริหาร "อำนาจ"ไม่เป็น มัวแต่ใช้อำนาจนั้นรักษาเก้าอี้ตัวเองและคณะ (เหมือนที่ทำอยู่ในเวลานี้) โอกาสที่ฝ่ายโค่นล้มจะ "จุดไม้ขีดไฟ" ติดก็มีสูง ตรงกันข้าม หากรู้จัก "บริหารอำนาจ" โดยคำนึงถึงประโยชน์ชาติเป็นที่ตั้ง "ไม้ขีดเป็นล้านๆ ก้าน" ก็หาจุดติดไม่



หากมองไปข้างหน้าหลังพ้นเทอมของ คสช.แล้ว อนาคตของประเทศไทยจะเป็นอย่างไร ต้องบอกว่ามีความเป็นห่วงว่าความแตกแยกจะกลับคืนมาอีกรอบ การเมืองที่ขัดแย้งกันสองขั้วระหว่างเพื่อไทย-ประชาธิปัตย์ จะกลายเป็นสามขั้ว คือ เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์-ลุงตู่ เพราะขณะนี้ต้องพูดกันอย่างตรงไปตรงมา "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ลงมาเป็นขั้วอำนาจที่สามทางการเมืองอย่างเต็มตัวแม้จะไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ เพราะเป็นที่รู้โดยทั่วกันว่าคณะทำงานของท่านได้เตรียมการจัดตั้งพรรคและกวาดต้อน อดีตส.ส. เข้าเป็นฐานสนับสนุนในการเลือกตั้งจริง (เรื่องนี้ปิดอย่างไรก็ไม่ลับ)



และมีแนวโน้มที่การเมืองขั้วที่สามของลุงตู่ จะครองอำนาจหลังเลือกตั้ง (ถ้าเป็นไปตามแผนของฝ่ายเสนาธิการของลุงตู่) บ้านเมืองก็น่าจะสงบ แต่หากสองพรรคใหญ่ใครขึ้นมาเป็นรัฐบาล ก็อาจเห็นความแตกแยกในแผ่นดินกลับคืนมา และถ้าเป็นเช่นนั้น 4 ปีในการ "เว้นวรรคประชาธิปไตย" ก็จะไร้ค่าไปอีก ทั้งหมดต้องรอดูคำพิพากษาของประชาชน

logoline