svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เจาะประเด็นร้อน

เปิดใจ "คุณหญิงหน่อย" กับทางคนละเลน บนถนนสายอำนาจ

21 พฤษภาคม 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"ส่วนตัวเชื่อว่าไม่ได้เลือกตั้งก.พ.62"... คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย เปิดใจกับทีมข่าว "คม ชัด ลึก" เป็นกรณีพิเศษถึงสถานการณ์ทางการเมืองและอนาคตทางการเมือง


ซึ่งก่อนเริ่มต้นบทสัมภาษณ์เธอได้ออกตัวแต่ต้นว่าเธอไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย และยังไม่ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค ดังนั้นความเห็นที่ให้สัมภาษณ์ในวันนี้จึงเป็นเพียงความเห็นส่วนตัวเท่านั้น



"คุณหญิงสุดารัตน์" ระบุว่า กรณีที่ในเดือนมิถุนายน มีข่าวว่าคสช.จะปลดล็อกให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมได้นั้น หากเป็นจริงก็ถือว่าเข้าสู่โหมดการเตรียมการเลือกตั้งพอสมควร ซึ่งบรรยากาศน่าจะเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง



เมื่อถูกถามว่าแม้การเมืองจะเริ่มกลับมาคึกคักแต่พรรคเพื่อไทยเองกลับถูกเป็นเป้าหมายเพื่อลดทอนจำนวนส.ส.ในการเลือกตั้งครั้งหน้า "คุณหญิงสุดารัตน์" ยอมรับว่าพรรคเพื่อไทยเป็นเป้าหมายในการให้เกิดความยากลำบาก ลดทอน เพราะพรรคเพื่อไทยเหมือนเป็นแชมป์อยู่ เป็นพรรคที่ใหญ่ที่สุด จึงเป็นเป้าหมายของผู้มีอำนาจ และถ้าผู้มีอำนาจตั้งใจจะเข้ามาบริหารประเทศ จึงต้องทำลายล้างแชมป์เก่าให้มากที่สุด



เธอเล่าว่า "พรรคเพื่อไทยจะเจออุปสรรค 3 ด่าน ด่านแรกใช้อำนาจรัฐจี้เข้าไปที่ตัวบุคคล คุมการดำเนินกิจกรรมในชีวิตปกติของอดีตส.ส.เพื่อไทยในทุกพื้นที่ ด่านที่ 2 พลังการดูดเหมือนที่พรรคอื่นๆ โดน ด่านที่ 3 สมมุติว่ามีการปลดล็อกทางการเมืองเข้าสู่การเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยจะเจอการเลือกตั้งที่ไม่ฟรีและไม่แฟร์ เพราะได้มีการแก้ไขอำนาจกกต.ยกเลิกกกต.จังหวัด กรรมการกกต.ถูกคัดสรรจากผู้มีอำนาจ และมีอำนาจให้ใบส้ม อำนาจทั้งหมดอยู่ที่กกต. ด่านที่ 3 จึงเป็นด่านใหญ่ สิ่งที่น่ากลัวคือ การใช้อำนาจรัฐ ใช้กลไกที่วางใช้กติกาที่วางกัน ในการสกัดกั้นคู่แข่งทางการเมืองซึ่งมีแนวโน้มที่จะเกิดได้ ซึ่งขัดหลักนิติธรรม เพราะเอาองค์กรเดียวชี้ขาด ทำให้ถอยหลังกว่าเดิม"



"คุณหญิงสุดารัตน์" มองว่า กฎเกณฑ์ที่ออกมาทั้งหมดดีต่อผู้มีอำนาจมากกว่าประชาชน อาทิ วิธีการต่างเขตต่างเบอร์ ทำให้สับสนเข้าไว้ หรือการพิมพ์บัตรเลือกตั้ง พอถึงเวลาก็จะบอกว่าพิมพ์บัตรเลือกตั้งที่เดียวไม่ได้ ซึ่งควบคุมบัตรเลือกตั้งไม่ได้ แม้กระทั่งการขยายเวลาเลือกตั้งออกไป หรือพอดึกก็จะมีการดำเนินการบางอย่าง หรือคนคุมการเลือกตั้ง ก็จะเป็นทหาร


เปิดใจ "คุณหญิงหน่อย" กับทางคนละเลน บนถนนสายอำนาจ


สิ่งที่อาจจะทำทั้งหมดเพื่อการันตีการกลับมามีอำนาจอีก



แต่สิ่งที่พยายามจะทำหลายอย่าง ทำแล้วพันคอตัวเอง เช่น การทำไพรมารีโหวต ซึ่งพรรคตัวเองเป็นพรรคใหม่ที่ทำไพรมารีโหวตยาก แต่พรรคเพื่อไทยก็น่าจะทำได้



"ถ้าคิดถึงผลประโยชน์ประชาชนจริง ต้องไม่ยกเลิกไพรมารีโหวต"



ทั้งนี้ สิ่งที่วางกฎเกณฑ์ทั้งหมดถามว่าประเทศชาติและประชาชนได้อะไรจากการปฏิรูปการเมือง ที่อ้างว่า การปฏิรูปการเมืองเพื่อให้ประชาชนเป็นเจ้าของพรรคอย่างแท้จริง ไม่ถูกครอบงำจากคนเพียงคนเดียว แต่สิ่งที่ทำ เป็นการเขียนโรดแม็พเพื่อการันตีการกลับมาสู่อำนาจอย่างยาวนานของคสช.ได้เท่านั้นเอง ไม่ได้เป็นการปฏิรูปให้ประชาชนมีส่วนร่วมหรือการปฏิรูปการเมืองอย่างแท้จริง มีตรงไหนให้ชี้มาว่าทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมหรือการเมืองดีขึ้น



"ทั้งหมดทั้งมวลเพราะเจตนารมณ์ของผู้มีอำนาจ ตั้งแต่ต้นการรัฐประหารมีความตั้งใจอย่างไร ดูจากสิ่งที่ทำโรดแม็พและกฎเกณฑ์ กฎหมายลูกต่างๆ ทำให้คนส่วนใหญ่คิดได้ว่า เขาตั้งใจเข้ามาดำรงอำนาจในการปกครองให้ยาวที่สุด" เธออ่านใจผู้มีอำนาจ



ดูได้จากการกระทำและการแสดงเจตนา 4 ปีที่ผ่านมา โดยผู้มีอำนาจลงมาเป็นผู้เล่นเอง ขณะที่ห้ามทุกพรรคเคลื่อน แต่คนพรรคใหม่หาเสียงเต็มที่ ใช้งบประมาณอำนาจรัฐ หาเสียงเต็มที่



"วันนี้ถ้าเราเปลี่ยนหลักคิดมาคิดว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้ ถ้าคิดแบบนี้ชาวบ้านจะเอาเขากลับมาเอง แต่กลับมาคิดกลไกมันฝืนธรรมชาติเพื่อให้ตัวเองกลับมาสู่อำนาจ นักการเมืองเดือดร้อนก็แค่ 500 คน แต่วันนี้ผลพวงของการทำแบบนี้ทำให้คนทั้งประเทศได้รับผลกระทบ"



หากจะมองถึงการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ตามที่นายกรัฐมนตรีพูดไว้ คุณหญิงสุดารัตน์ยอมรับว่า "ส่วนตัวเชื่อว่าไม่ได้เลือกตั้งกุมภาพันธ์ 2562"



เพราะหากมองย้อนกลับไปในการกระทำของคสช.มีเจตนา มุ่งมั่นกลับมาสู่อำนาจและอยู่ให้นานที่สุด และจะมีเหตุผลใหม่ๆ มาจนกว่าจะมีความมั่นใจว่าจะรักษาอำนาจและกลับมาสู่อำนาจได้



"คุณหญิงสุดารัตน์" กล่าวถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าว่า พรรคเพื่อไทยต้องนำจุดแข็งตัวเองเรื่องคนคิดนโยบายที่สามารถนำไปปฏิบัติได้และเกิดผลสำเร็จกับประชาชน "คิดเป็น ทำเป็น ทำสำเร็จ" ต้องเป็นคนที่ปรับตัว เปิดกว้าง พรรคเพื่อไทยมีคนมีความสามารถเยอะ น่าจะประกอบร่างให้เป็นกลุ่มผู้นำ ไม่ต้องโดดเด่นคนเดียว รักษาจุดแข็งเดิม ไม่จำเป็นต้องคนเดียวโมเดล



ส่วนเรื่องที่มีผู้คาดว่าเธอจะได้เป็นผู้นำพรรคในการสู้ศึกเลือกตั้ง "คุณหญิงสุดารัตน์" กล่าวเปิดใจว่า โดยส่วนตัวไม่อยากเป็นผู้นำพรรค เพราะทำมาเยอะ ชีวิตหลังปฏิวัติได้ทำสิ่งที่รักที่ชอบ เรียนศาสนาอยู่กับครอบครัว ชีวิตมีความสุขแล้วไม่ได้ดิ้นรนอะไรในตำแหน่ง



แต่เรื่องนี้ต้องแยกออกเป็น 2 ส่วน ส่วนที่ 1 เธอคือคนในครอบครัว ตั้งแต่ไทยรักไทย ใจอยู่ทางนี้ คนกลุ่มนี้คือกลุ่มที่คิดเป็น ทำเป็น ทำสำเร็จให้ประเทศ ส่วนที่ 2 เป็นแม่ของลูก ในฐานะสมาชิกคนบ้านนี้ เผอิญเป็นบ้านใหญ่ที่มีอิทธิพลต่อสังคม จะทำอย่างไรให้คนในบ้านไปเป็นประโยชนต่อส่วนร่วมได้ โดยส่วนตัวเชียร์บ้านนี้ อยากให้มีโอกาสได้เข้าไปทำงานต่อ เราเป็นแม่ ลูกเราต้องอยู่ในประเทศ เราจะทำอย่างไรให้บ้านเมืองดี อยากให้สิ่งที่มองว่าเป็นข้อบกพร่องได้ถูกแก้เพื่อให้ลูกอยู่ในประเทศนี้ได้ จึงขอเป็นฟันเฟืองตัวหนึ่งในร้อยตัวในองค์กรเพื่อขับเคลื่อนประเทศให้ไปได้



"ถ้าเสนอให้เป็นหัวหน้าพรรค ก็ไม่รับ ส่วนใครจะมาเป็นเดี๋ยวก็ได้ ปัญหาประเทศมันซับซ้อน อย่าคิดว่ามองผู้นำคนเดียว อย่าหาใครมาเป็นฮีโร่ เราทำอย่างไรให้คนเก่งๆ มารวมทำงานได้ นี่คือความเชื่อของดิฉัน"



เมื่อถามว่าแม้จะไม่มีชื่อเป็นหัวหน้าพรรค แต่อาจจะติด 1 ใน 3 ของบัญชีนายกฯ ของพรรคหรือไม่ "คุณหญิงสุดารัตน์" ยืนยันว่า มาถึงวันนี้ความอยากได้ใคร่มีตำแหน่งหน้าที่ทำมาหมดแล้ว อยู่แบบนี้มีความสุขมากกว่า



กับคำถามใหญ่ที่สังคมระบุว่าเธอสามารถต่อสายกับกองทัพได้ และมีภาพลักษณ์ที่ประนีประนอม "คุณหญิงสุดารัตน์" กล่าวว่า ขอยืนยันว่า "มันเป็นทางที่อยู่กันคนละเลน และตั้งแต่วันแรกที่เข้าสู่การเมือง ดิฉันเลือกอยู่ทางประชาธิปไตย ไม่เคยสนับสนุนการได้มาซึ่งอำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาธิปไตย"



"คุณหญิงสุดารัตน์" กล่าวว่า นี่คือจุดยืนของเธอ แม้ว่าอาจจะรู้จักทหารบางท่านอยู่บ้าง ซึ่งเป็นการรู้จักอยู่นอกเหนืองานการเมือง วันนี้คิดว่าหน้าที่หรืออุดมการณ์การรักษาให้ประเทศกลับสู่การเป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ ไม่ใช่ประชาธิปไตยแบบซูเอี๋ยกับอำนาจทางทหาร และไม่มีความรู้พอที่จะทำได้ ประชาธิปไตยแบบซูเอี๋ยเธอไม่ทำ



วันนี้เราต้องเอาทางด้านหนึ่ง ถ้าระบบเผด็จการจะทำให้ประเทศเจริญ ประชาชนก็ตัดสินใจเลยว่าไป หรือถ้าทำให้ประชาธิปไตยเป็นทางรอดของประเทศ เราก็ต้องทำให้เป็นประชาธิปไตยของประชาชนจริงๆ

logoline