จริงๆกรณีดังกล่าวไม่ใช่กรณีแรก หากแต่ยังคงมีความขัดแย้งมาเรื่อยๆปรากฏบนโลกออนไลน์ เหตุการณ์คนขับแกร็บไบค์แย่งผู้โดยสารวินมอเตอร์ไซค์เจ้าถิ่นเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ จนนำไปสู่การรวมตัวของวินมอเตอร์ไซค์ เพื่อประท้วงที่หน้าตึกสำนักงานใหญ่ของ บริษัทแกร็บแท็กซี่ (ประเทศไทย) คัดค้านการที่แกร็บเปิดบริการแอพพลิเคชั่นตัดหน้าผู้โดยสาร และรถที่ให้บริการนั้นก็ผิดกฎหมาย เพราะเป็นรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล
ปัญหาของแกร็บไบค์
ต้องบอกว่าทั้งกรณีของแกร็บไบค์ และอูเบอร์ นั้นคือคลื่นความเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกยุคใหม่ ที่คนขับแท็กซี่ หรือวินมอเตอร์ไซค์กังวลมากๆ ด้วยความสะดวกสบายที่เรียกใช้ที่ไหนก็ได้
แต่ทว่าสิ่งหนึ่งที่ยังคงเป็นที่ติดขัดนั่นก็คือ การเปิดช่องทางให้รถจักรยานยนตร์ส่วนบุคคล (รถป้ายดำ) มารับส่งผู้โดยสาร ซึ่งผิดกฎมายไม่เป็นไปตามระเบียบของกรมขนส่งทางบก มีโทษปรับสูงสุด 2,000 บาท
แต่แม้ว่าทางแกร็บ จะระบุว่ามีช่องทางให้วินมอเตอร์ไซค์ละแวกใกล้ๆ ผ่านแอพพลิชั่นแล้ว เหมือนอย่างแกร็บแท็กซี่ ที่มาแทนอูเบอร์ ทำให้หมดข้อกังการเรื่องรถทะเบียนป้ายดำ และแก้ปัญหาปฏิเสธผู้โดยสารเป็นที่เรียบร้อย แต่สำหรับแกร็บไบค์นั้นไม่ง่ายอย่างนั้น เพราะยังมีข้อจำกัดเรื่องของพื้นที่รับผู้โดยสาร
เกิดปัญหารับผู้โดยสารข้ามเขตกันเอง ผ่านแอพพลิเคชั่นดังกล่าว บางพื้นที่มีวินประจำซอย เรียกข้ามซอยก็เกิดเป็นปัญหาได้ ดังนั้นระบบการจำกัดพื้นที่เพื่อให้วินมอเตอร์ไซค์ตอบรับผู้โดยสารผ่านแอพพลิเคชั่น ยังคงมีข้อจำกัดเรื่องนี้อยู่
นอกจากนี้ในทางปฏิบัติจริงๆแล้ว ต่อให้กดเรียกแกร็บวิน แต่ก็ยังพบเห็นได้ว่ามีรถมอเตอร์ไซค์ส่วนบุคคลปะปนมาให้บริการอยู่ดี แม้ทางแกร็บจะระบุว่ามีการสอบประวัติกับผู้ขับ และการอบรมอย่างเข้มงวดก็ตาม โดยรวมแล้วทางแกร็บไบค์จะติดปัญหาในเรื่องของข้อกฎหมายเป็นเสียส่วนใหญ่ และยังมีปัญหาเรื่องคนขับไม่ชำนาญพื้นที่
จนล่าสุดทาง นางปัทมศรี ไกรรส สมาชิกชมรมเพื่อนวิน ประกาศผ่านสื่อว่า ทางกลุ่มจะดำเนินตามกฎหมายต่อ บริษัทแกร็บแท็กซี่ ถึงขั้นฟ้องศาลปกครอง เป็นเพราะทุกคนอยู่ในประเทศไทย ต้องยึดตามหลักกฎหมายไทย กลุ่มวินมอเตอร์ไซค์เป็นรถป้ายเหลือง ให้บริการถูกกฎหมาย แต่บริษัทแกร็บ เปิดช่องให้มีรถป้ายดำมาให้บริการนั่นเอง
ปัญหาของวินมอเตอร์ไซค์
นอกจากเรื่องความสะดวกสบายในการเรียกใช้แล้ว ก็มีเรื่องของราคาที่หลายๆ ผู้ใช้บริการต่างเห็นตรงกัน
ย้อนกลับไปที่กรณีวินมอเตอร์ไซค์ย่านสาธรซิตี้ทาวเวอร์ ระบุค่าโดยสารไปเยาวราชว่า 120 บาท ในระยะทาง 3 กม. โดยอ้างว่าเป็นราคามาตรฐาน
แต่หากอ้างอิงตามกฏของกระทรวงคมนาคม ในกฎกระทรวง กำหนดอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารสำหรับรถจักรยานยนตร์สาธารณะ พ.ศ. 2559 ที่ระบุว่า ระยะทาง 2 กม. แรกต้องไม่เกิน 25 บาท กม. ต่อๆไป ไม่เกิน กม.ละ 5 บาท แต่ต้องไม่เกิน 5 กม.
สำหรับระยะทาง 3 กม. ไปเยาวราชนั้น หากคิดตามกฏกระทรวงแล้ว ราคาจริงๆไม่ควรจะเกิน 30 บาท เมื่อมาคิดถึงราคาที่วินมอเตอร์ไซค์เจ้าถิ่นระบุมาแล้ว 120 บาทก็ไม่น่าจะเป็นราคาที่ถูกกฎหมายเสียเท่าไหร่ ซึ่งบางครั้งอาจมีปัจจัยเรื่องของรถติดทำให้ค่าโดยสารผันเปลี่ยนในบางคราว หรือวินบางแห่งอาจคิดค่าตีกลับรถเปล่าเพิ่ม ซึ่งการคิดส่วนนี้ไม่ได้ถูกระบุไว้ในกฎหมายแต่อย่างใด
นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องของการรอรถโดยสารในช่วงเวลาเร่งด่วน ปัญหานี้คนที่ทำงานออฟฟิศย่านตัวเมือง หรือคนที่อาศัยอยู่ในซอยที่มีหลายหมู่บ้านจะมักคุ้นเป็นอย่างดี เพราะในช่วงเช้ากับเย็นนั้น คิวยืนรอวินมอเตอร์ไซค์นั้นจะยาวมากๆ จึงไม่แปลกที่หลายๆคน เลือกทางที่สบายกว่าด้วยการเรียกแกร็บไบค์ เพื่อลดการใช้เวลารอ
นอกจากนี้อาจจะมีปัญหาเรื่องของการทอนเงิน ที่บางครั้งอาจจะต้องรบกวนผู้โดยสารไปแลกเงินที่ร้านสะดวกซื้อซึ่งผู้โดยสารบางคนอาจต้องยอมซื้อหมากฝรั่งหรือลูกอม เพื่อจะได้เอาเงินทอนไปจ่ายค่าโดยสารต่างจากแกร็บไบค์ที่สามารถเลือกหักเงินผ่านบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตได้ทันที
ปัญหาหลักๆของวินมอเตอร์ไซค์นั้น จะอยู่ในเรื่องของความสะดวกสบายในการเรียกใช้ และข้อจำกัดในทางปฏิบัติ รวมถึงเรื่องราคาบางเส้นทางสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด
ต่างคนต่างมุมมอง ระหว่าง"วิน" กับ"คนใช้บริการ"
สมพร ค่ำคูณ
"จริงๆแล้ว รถทะเบียนป้ายดำนำมาให้บริการไม่ได้ กว่าพวกผมจะขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างได้ จะต้องผ่านขั้นตอนมากมาย ทั้งอบรม สอบประวัติอย่างละเอียด ถ้ามีคดีติดตัวเป็นทำอาชีพนี้ไม่ได้" สมพร ค่ำคูณ วินมอเตอร์ไซค์ ย่านรองเมือง พูดถึงแกร็บไบค์
เขาเล่าอีกว่า ค่าบริการของแกร็บไบค์ และวินมอเตอร์ไซค์นั้นไม่ต่างกัน เพราะเรื่องนี้ก็มีกฏกระทรวงเขียนบังคับไว้อยู่ แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่บางแห่งอาจจะมีคิดเผื่อค่าตีรถเปล่ากับมายังวินได้ แต่ก็เป็นเรื่องของแต่ละพื้นที่ แต่วินของตนไม่ได้คิดเงินส่วนนั้น
สมพร เล่าอีกว่า จริงๆแล้วปัญหาเหล่านี้ตนอยากให้ทางรัฐบาลเป็นผู้แก้ไข เนื่องจากตนเป็นผู้ที่ทำตามนโยบายรัฐ แต่ในมุมหนึ่งกลับถูกเอาเปรียบ การให้บริการแกร็บแท็กซี่ ตนพอเข้าใจได้ เพราะเคยมีปัญหาเรื่องปฏิเสธผู้โดยสาร แต่สำหรับวิมอเตอร์ไซค์ เรียกไปไหนไปหมด ส่วนราคาถ้าเกินเกณฑ์ก็ตกลงกับผู้โดยสารได้ ไม่ว่าไกลใกล้แค่ไหนเราก็พร้อมไป
วราวุฒิ พงษ์เม่น
ขณะที่นายวราวุฒิ พงษ์เม่น วินมอเตอร์ไซค์ ย่านซอยศูนย์วิจัย กล่าวว่า รถของแกร็บไบค์ เป็นรถทะเบียนป้ายดำ การนำมาใช้รับส่งผู้โดยสารนั้น ถือเป็นการใช้รถยนต์ผิดประเภท ซึ่งเราจำเป็นต้องทำให้เรื่องนี้ถูกกฎหมาย กว่าจะได้เป็นวินมอเตอร์ไซค์ ก็ต้องผ่านหลายๆขั้นตอน ผ่านการสอบประวัติอย่างเข้มงวด ต่างจากผู้ขับแกร็บไบค์ที่ อาจจะไม่ต้องผ่านขั้นตอนเหล่านี้
"เรื่องนี้ก็เหมือนกับว่าเราเป็นผู้ให้บริการถูกลิขสิทธิ์ แต่จู่ๆวันหนึ่งมีคนละเมิดลิขสิทธิ์ ให้ราคาถูกกว่าเรา แบบนี้เราก็แย่โพลที่ออกมาว่าประชาชนหนุนแกร็บไบค์นั้นก็เหมือนกับสนับสนุนให้คนทำผิดกฎหมายเช่นกัน ถ้าแกร็บไบค์ทำถูกกฎหมาย เราไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องราคาเราก็ไม่ต่างกันมากแน่นอน"วราวุฒิ กล่าว
วราวุฒิ เล่าอีกว่า ในความเห็นของตน ยังไม่เห็นกรมขนส่งทางบกมีการเคลื่อนไหว หรือดำเนินการให้เห็นชัดแต่อย่างใด กับการกระทำที่ผิดกฎหมายนี้ ตนจึงอยากฝากไปยังนายกรัฐมนตรี ในเมื่อท่านอาสามาทำหน้าที่บริหารประเทศ ก็อยากให้ดูแลเรื่องนี้ด้วย อะไรที่ผิดกฎหมายก็ต้องว่ากันไป
ในขณะที่มุมมองผู้โดยสารอย่าง ชุติภัทร์ เธียไพรัตน์ เล่าว่า ความสะดวกสบายของแกร็บไบค์อยู่ที่ สามารถเรียกมารับได้ที่หน้าบ้าน ซึ่งบ้านของตนนั้นอยู่ในซอยลึกมาก นอกจากนี้ยังสามารถจ่ายค่าบริการได้ผ่านบัตรเดบิต ซึ่งไม่จำเป็นต้องกังวลว่าเราจะมีเงินติดกระเป๋าติดตัวเท่าไหร่ หรือมีเหรียญเพียงพอไหม สามารถลงจากรถและเดินเข้าบ้านได้อย่างสบายใจ
ชุติภัทร์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการประท้วงของวินมอเตอร์ไซค์นั้น ตนเห็นว่าถ้าว่าตามกฎหมายแล้วแกร็บไบค์ก็มีความผิดเรื่อง รถส่วนตัวให้บริการจริงๆ แต่ส่วนตัวมองว่าการประท้วงครั้งนี้ไม่ได้มีประเด็นกฎหมายเป็นหลัก แต่เป็นเรื่องของการเสียผลประโยชน์มากกว่า ในุมของผู้บริโภคแล้วจึงมองเห็นเป็นเรื่องอย่างหลัง
"ส่วนกรณีที่หลายๆคนบอกว่า คนขับแกร็บไบค์ บางครั้งเป็นใครที่ไหนไม่รู้ อาจมีปัญหาเรื่องความปลอดภัยได้ จริงๆแล้วเรื่องนี้ผมเห็นว่า ไม่ว่าจะแกร็บไบค์หรือวินมอเตอร์ไซค์ต่างก็มีความเสี่ยงๆเท่าๆกันหมด ต่อให้มีข้อมูลบนหลังเสื้อวินมอเตอร์ไซค์ เราก็ยังมั่นใจไม่ได้ว่า ข้อมูลนั้นตรงกับคนขับจริงๆหรือไม่ บางครั้งอาจมีการยืมเสื้อวินมาขับให้บริการกันก็มี เผลอๆข้อมูลออนไลน์ที่ระบุตัวตนคนได้ ยังจะน่าเชื่อถือมากกว่าอีก" ชุติภัทร์ กล่าวทิ้งท้าย
ขณะที่อภิชญา เผ่าตำรวจ นักศึกษาที่ใช้บริการแกร็บไบค์บ่อยๆ กล่าวว่า สาเหตุที่ใช้บริการแกร็บไบค์ บ่อยๆนั่นเป็นเพราะเรื่องความสะดวกสบาย เรียกจากที่ไหนก็ได้ ในขณะที่วินมอเตอร์ไซค์นั้น จะต้องไปหาแหล่งที่มีวินจริงๆ บางครั้งเราโบกมือเรียกจากฝั่งตรงข้าม เขาก็ไม่ยอมหันมาก็มี ต่างจากการเรียกผ่านแอพพลิเคชั่นที่อย่างไรก็สะดวกกว่ากันเยอะ
"เรื่องของราคาค่าบริการจากสถานีรถไฟฟ้า ไปยังมหาวิทยาลัยนั้น ราคาของแกร็บไบค์และวินมอเตอร์ไซค์ไม่ต่างกันมาก แต่จุดแข็งของแกร็บไบค์คือการที่มีโค้ดส่วนลดให้ใช้เป็นระยะ ซึ่งประหยัดเงินไปได้รอบละ 10 กว่าบาท ถ้านั่งแบบนี้หลายๆครั้งก็ประหยัดเงินได้เยอะ"
ในส่วนเรื่องของข้อมูลผู้ให้บริการ และความปลอดภัยนั้น อภิชญา กล่าวว่าบางครั้งวินมอเตอร์ไซค์ ก็ไม่ได้แปะข้อมูลดังกล่าวที่หลังเสื้อวินอย่างจริงจัง ในขณะที่แกร็บไบค์ มีข้อมูลของผู้ขับรถ พร้อมภาพอย่างชัดเจน และดูเหมือนจะเจาะจงคนได้ดีกว่า ตนเห็นว่ายังไงข้อมูลออนไลน์ก็น่าเชื่อถือมากกว่าอย่างแน่นอน
ทั้งหมดคือเรื่องราวของแกร็บไบค์ และวินมอเตอร์ไซค์ ที่ไม่ได้มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆ จุดแข็งแกร็บไบค์ มีเรื่องของการให้บริการ และราคาที่ถูก ส่วนจุดแข็งของวินมอเตอร์ไซค์ มีเรื่องของกฎหมายที่รองรับให้ถูกกฎหมาย แต่ไม่ว่าจุดแข็งของแต่ละฝ่ายจะเป็นอย่างไร ท้ายที่สุกคำถามที่สำคัญต่อกรณีนี้จริงๆก็คือ
ประชาชนจะมีสิทธิเลือก การใช้บริการขนส่งสาธารณะที่สะดวกได้หรือไม่ นี่คือคำถามที่ทางกรมขนส่งทางบก และรัฐบาลจะต้องเป็นผู้ตอบให้ได้ เพราะเรื่องนี้จุดสิ้นสุดไม่ได้จบลงที่แกร็บแท็กซี่ (ประเทศไทย) หรือกลุ่มวินมอเตอร์ไซค์อย่างแน่นอน